กลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 30 คน จากภาคธุรกิจ ทั้งขนาดย่อยและขนาดกลาง ในเกาหลีใต้ ออกมาเดินขบวนประท้วงใกล้กับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำกรุงโซล โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ร่วมกันฉีกทำลายสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น และเรียกร้องให้ผู้บริโภคบอยคอตสินค้าเหล่านี้ เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่สั่งควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญด้านเทคโนโลยีให้แก่เกาหลีใต้ โดยวัตถุดิบ 3 ชนิดที่รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งคุมเข้มนั้นถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิปหน่วยความจำสมาร์ทโฟน ซึ่งเกาหลีใต้ต้องพึ่งพาญี่ปุ่นในส่วนนี้สูงถึง 90%
ทั้งนี้ ตัวแทนของทั้ง 2 ประเทศพยายามเปิดเจรจาเพื่อแก้ปัญหานี้ร่วมกันเป็นครั้งแรก ที่กรุงโตเกียว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่บรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึมและการเจรจาก็จบลงแบบไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ปมความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดคู่สงครามทางการค้าคู่ใหม่นี้ สืบเนื่องมาจากประเด็นปัญหาแรงงานทาสตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้เป็นฝ่ายรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากการที่ศาลฎีกาของเกาหลีใต้ตัดสินให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยให้แก่แรงงานทาส ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น
เบื้องต้น คาดว่ากระแสการคว่ำบาตรสินค้าญี่ปุ่นในเกาหลีใต้ อาจกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เนื่องจากเกาหลีใต้ติดท็อป 5 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นมากที่สุดในแต่ละปี และอาจกระทบกับค่ายรถญี่ปุ่น โดยเฉพาะโตโยต้า และมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในเกาหลีใต้
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอีกหลายอย่าง อาทิ เบียร์คิริน, เบียร์อาซาฮี, พานาโซนิค, และแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ ที่อาจตกเป็นเหยื่อในมาตรการการล้างแค้นของเกาหลีใต้ด้วย