จอมอนิเตอร์ในห้องควบคุมของเขื่อนไซยะบุรี ทำให้เห็นว่า อัตราการไหลของน้ำโขงที่ไหลลงมาจากประเทศจีน มีเพียง 1,600-1,700 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาทีเท่านั้น ทำให้เขื่อนเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้เพียง 3 เครื่อง จากทั้งหมด 7 เครื่อง ได้ไฟฟ้าเฉลี่ย 400-500 เมกะวัตต์ ทั้งที่เขื่อนมีกำลังผลิตทั้งหมด 1,285 เมกกะวัตต์ ทำให้การทดสอบระบบเขื่อนยังไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์
น้ำที่ไหลลงมาน้อยทำให้เขื่อนต้องปิดสปิลเวย์ หรือ อาคารระบายน้ำล้น ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 บาน น้ำเหนือเขื่อนอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 272 เมตร ท้ายขื่อนอยู่ที่ 238 เมตร จากระดับน้ำทะเล ต่างกันประมาณ 34 เมตร ซึ่งทางเขื่อนยืนยันว่า เป็นการยกระดับน้ำไม่ได้เก็บกักน้ำ และปริมาณน้ำที่ไหลมาถูกระบายออกทั้งหมดทางโรงไฟฟ้าท้ายเขื่อน
ปริมาณน้ำที่มีน้อยก็ทำให้ทางเขื่อนไซยะบุรีกังวลว่า จะทำให้การผลิตไฟฟ้าไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เช่นกัน และยืนยันว่า เขื่อนไซยะบุรีก็ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของแม่น้ำโขงเช่นกัน และที่แม่น้ำโขงตอนล่างแห้งก็เป็นผลมาจากเขื่อนทางตอนบนของจีนปล่อยน้ำลงมาน้อย ไม่ใช่เขื่อนไซยะบุรีกักเก็บน้ำ
เขื่อนไซยะบุรี บอกว่า ที่ผ่านมาการประสานขอข้อมูลการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนของทางการจีนเป็นไปได้ยาก ทำให้ทางเขื่อนไซยะบุรีเองก็ไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาได้เช่นกัน เพราะ จีนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC
ทั้งนี้ บริษัท ช.การช่างเป็นผู้ลงทุนในโครงการเขื่อนไซยะบุรี ผลิตไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตประเทศไทยผู้เดียว ร้อยละ 95 สัญญาประมาณ 30 ปี ส่วนสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าที่ต้องส่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไม่ได้ระบุ คือผลิตได้เท่าใดส่งให้เท่านั้น
น้ำโขงยังวิกฤต ระดับน้ำสูงไม่ถึง 1 เมตร
ไทยขอลาว ชะลอทดสอบปั่นไฟ “เขื่อนไซยะบุรี” หลัง น้ำโขงลดฮวบ
แม่น้ำโขงเพิ่มระดับ - ชาวบ้านเตรียมปรับตัวในอนาคต