หอการค้าไทย ดันโครงการ “ชาวนาอัจฉริยะ” มุ่งเน้นไร้สารเคมี-ลดการขาดทุน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หอการค้าไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดทำชาวนาทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน และเชื่อมต่อ “โครงการเกษตรกรเด็กหัวการค้า  รุ่นที่ 1” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างชาวนาอัจฉริยะนักศึกษาระดับปริญญาตรีทุกสาขา ทุกคณะ ให้เรียนรู้ต้นแบบเกษตรที่ทันสมัยและประสบความสำเร็จ

โดยใช้กระบวนการทำการเกษตรแบบผสมผสานให้กับนักศึกษาทายาทเกษตรกรในชนบท และนักศึกษาทุกคนที่สนใจได้นำไปทดลองปฏิบัติ อาศัยเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นการทำการเกษตรที่ละเอียดอ่อน เริ่มตั้งแต่รู้จักดิน ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ และเลี้ยงปลา ตลอดจนสอนค้าขายสินค้าในตลาดต่าง ๆ พร้อมเปิดตลาดขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นางสาวพีชนา แสงอ่อน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่า สนใจสมัครโครงการเกษตรกรเด็กหัวการค้า  รุ่นที่ 1 เพราะจากที่ตนเคยปลูกพริกที่บ้านเองแล้วล้มเหลวก็เลยอยากเข้ามาเรียนรู้และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ปลูกจริง ๆ อีกครั้ง ว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร พอได้เข้ามาเรียนรู้ในโครงการอย่างแรกคือเรียนรู้การเพาะต้นอ่อนทานตะวัน โดยเริ่มจากคัดเลือกเมล็ด และแช่น้ำ จากนั้นก็เรียนรู้การทำจุลินทรีย์ ทำอาหารของผัก ผลไม้ที่มาจากธรรมชาติจริง ๆ ตั้งแต่ก้อน ผง น้ำ และเริ่มเก็บวัตถุดิบมาทำสรรพสิ่งพวกนี้ ปัจจุบันอาหารแต่ละอย่างที่ใช้พืชผลทางการเกษตรก็ล้วนแต่มีสารเคมี ถ้าได้วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติก็จะดีกว่าส่งผลดีกับสุขภาพเรามากกว่า โดยโครงการนี้ก็มีการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ลงมือปฎิบัติจริงให้ผู้ที่เข้าโครงการได้เข้าใจการปลูกพืชแบบปลอดสารเคมีว่ามีข้อดีอย่างไรโดยเป็นการกระจายข่าวสารให้คนกลุ่มเล็ก ๆ ได้เรียนรู้ และทำให้เขาสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาต่อไปได้เป็นกลุ่มใหญ่ต่อไป

นายอภิสิทธิ์ ไชยราษ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาลัยผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยปิดเผยว่า ที่บ้านตนทำการเกษตรกันทั้งครอบครัว โดยจะปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเอง รวมถึงอาจจะมีการส่งออกไปขายตามตลาด แต่หลัก ๆ ที่ทำคือ การปลูกข้าวโดยปลูกเป็นนาปี ได้กำไรไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ก็พอที่จะต่อชีวิตปีต่อปีได้ ข้าวที่ปลูกจะเป็นพันธุ์ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิปกติ โดยจะปลูกที่อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ เพราะแต่ละปีจะใช้เนื้อที่ในการปลูก 20 งาน แต่ใน 20 ไร่นี้ จะแบ่งออกเป็นปลูกข้าวจ้าวล้วน ๆ 16 งาน อีก 4 งานจะเป็นข้าวเหนียว สาเหตุที่เข้าโครงการนี้และชื่นชอบมาก เพราะได้เรียนรู้การเตรียมวัตถุดิบในการหมักปุ๋ย โครงการนี้จะเรียกปุ๋ยว่าสรรพสิ่ง ก็คือการเอาสิ่งของที่มีเดิมอยู่แล้วมาหมักรวมกันให้มันสามารถปรับสภาพหน้าดินได้ แล้วจะเพิ่มพูนผลกำไรให้เราเมื่อเริ่มปลูกอะไรก็ได้ที่อยากจะปลูก หลังจบโครงการตนอยากนำไปเผยแพร่ให้ที่บ้านยกเลิกการใช้สารเคมีในการปลูกข้าว อยากให้ลองหันมาใช้สรรพสิ่งพวกนี้ที่เรียนรู้มา สามารถหาได้จากตามธรรมชาติมาลองปรับเปลี่ยนใช้ตามฤดูกาล อาจจะยังไม่เริ่มทั้งหมดแต่อาจจะลองสัก 1 งานก่อนถ้าเห็นผลกำไรที่ดีก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนมาใช้สรรพสิ่งทั้งหมด เพราะจะส่งผลที่ดีต่อหน้าดิน

นางสาวภานุมาศ สุขานนท์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะบัญชี สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ที่บ้านทำสวนส้ม มะม่วง มะละกอ และเกษตรทั่วไป โดยใช้สารเคมีไม่ได้ปลูกแบบปลอดสารพิษ ซึ่งพอทราบว่ามีโครงการนี้เกิดขึ้นก็เลยอยากที่จะมาเข้าร่วมและเรียนรู้วิธีการปลูกพืชแบบปลอดสารพิษ เพื่อนำไปใช้กับสวนที่บ้านของนเอง โดยสวนของที่บ้านตั้งอยู่ที่อำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร แบ่งเนื้อที่ทำสวนส้มประมาณ 10 ไร่ ซึ่งตอนนี้สามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย ส่วนพื้นที่ ๆ จัดปลูกสวนมะม่วงก็ประมาณ 10 ไร่เหมือนกันแต่ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพราะพึ่งเริ่มต้นปลูกไปเมื่อปีที่แล้ว ยังไม่รวมพื้นที่ในส่วนที่มีไว้ทำนา เมื่อได้เข้าโครงการประทับใจตั้งแต่ที่เริ่มเข้ามาเรียนรู้ เพราะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน พี่ ๆ คุณครู ให้ความรู้อย่างละเอียดการทำสรรพสิ่งแห้ง สรรพสิ่งน้ำ การทำน้ำหมัก การปลูกผัก ถ้าเราไม่นำเมล็ดไปแช่น้ำก่อนแล้วเราไปโรยตามดินที่เตรียมไว้เลยมันจะมีความแตกต่างกันออกไปอย่างไรได้ลดทองใช้น้ำต่าง ๆ ในการรดต้นอ่อน เพื่อดูการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันออกไป ถ้าอันไหนประสบความสำเร็จและดีต่อผลผลิตของเรา ก็จะทำให้เราสามารถนำไปปรับใช้กับสวนได้เป็นอย่างดี

สำหรับปัจจุบันประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ขณะที่ชาวนาที่ทำนาอยู่ในปัจจุบัน อายุอยู่ระหว่าง 45-80 ปี ครอบครัวชาวนาและเกษตร 5.8 ล้านครอบครัว มีผลการทำการเกษตรขาดทุนปีละ 34,095 บาท ข้อมูลนี้อธิบายได้ว่าเราพยายามจะเป็นอันดับ 1 ของการส่งออกข้าว โดยให้คนแก่ทำนาผลิตข้าวให้กับประเทศ ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้เป็นผู้ส่งออกข้าวติดอันดับโลกแต่ประการใด แต่ชาวนาญี่ปุ่นเป็นคนมีฐานะดี เป็นกลุ่มที่มีพลังทางการเมือง เสียงของชาวนาญี่ปุ่นผู้บริหารประเทศต้องฟัง หากประเทศไทยได้กินข้าวผลิตข้าวที่ดีต่อชีวิตชาวนาและเกษตรกรมีชีวิตที่ดี เพราะขายข้าวได้ดีได้ราคาและมีกำไร คนในประเทศไทยคงมีความสุขร่วมกัน

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ