เมื่อวันที่ (26 ก.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่เครือข่ายประชาชนไทย8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง อ้างถึงจนนำมาสู่การยื่นคำร้องในวันนี้ คือรายงานความเห็นการทบทวนแก้ไขรูปแบบเขื่อนไซยะบุรี ของ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC โดยในรายงานระบุชัดเจนว่า เขื่อนไซยะบุรีจะสร้างความเสียหายกับระบบนิเวศบริเวณแม่น้ำโขงตอนล่าง
นางสาว เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการ รณรงค์ประเทศไทย องค์กรแม่น้ำนานาชาติ ระบุว่า แม้ในรายงานจะระบุชัดเจนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขื่อนไซยะบุรีเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า แต่ทางเขื่อนก็ยังไม่ได้ปรับปรุงโครงสร้างหรือระบบเพื่อบรรเทาผลกระทบ
เครือข่ายประชาชนฯยื่นขอให้ศาลปกครองไต่สวนคำร้องนี้เป็นกรณีฉุกเฉิน ด้วยการขอให้ดำเนินการระงับหรือชะลอการรับซื้อไฟฟ้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากเขื่อนไซยะบุรี ซึ่งการชะลอการรับซื้อไฟฟ้าอาจทำให้เขื่อนไซยะบุรีต้องหยุดการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว และบรรเทาความเดือดร้อนบริเวณท้ายน้ำจากวิกฤตแม่น้ำโขงแห้งได้
ตัวแทนชาวอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นผู้ร่วมฟ้องครั้งนี้ด้วย บอกว่า อยากให้บริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด เปิดรายละเอียดการระบายน้ำรายวัน และพูดคุยวางแผนบรรเทาผลกระทบร่วมกัน
เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ยื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิต คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน กรมทรัพยากรน้ำ และคณะรัฐมนตรี กับศาลปกครอง มาตั้งแต่ปี 2555 ที่มีแผนเริ่มสร้างเขื่อนไซยะบุรี โดยยื่นฟ้องใน3 ประเด็น คือ1.สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ กฟผ.กับ บริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์จำกัด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2.หน่วยงานทั้งหมดละเลยการเผยแพร่ข้อมูล โดยเฉพาะรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ3.การลงนามซื้อขายไฟฟ้าไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีละเมิดข้อตกลงแม่น้ำโขงปี 2538
โดยศาลปกครองรับฟ้องในประเด็นเดียว คือ ประเด็นละเลยการเผยแพร่ข้อมูล หลังไต่สวนไปเมื่อปี 2558 ศาลยกฟ้อง ปี2559 เครือข่ายประชาชนฯได้ยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ส่วนการยื่นขอให้ศาลปกครองไต่สวนคำร้องเป็นกรณีฉุกเฉินในวันนี้ ศาลอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายฉุกเฉิน ก็จะไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
ล่าสุด ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน โดยคำร้องขอคุ้มครองช้่วคราวอยู่ระหว่างการพิจารณา