เนื้อหาบนเฟซบุ๊กของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. เป็นการแสดงความคิดเห็น ไปในทิศทางเดียวกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิณาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ที่พบว่าเนื้อหาบางส่วนคือ “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บรรทัดที่นายกฯต้องกล่าวนำ ขาดหายไป
นายสมชัย ระบุว่า สาเหตุถ้อยคำตกหล่น อาจมาจากผู้ร่างร่างข้อความไม่ครบ ร่างครบแต่นายกฯ กล่าวไม่ครบหรือสุดท้าย ไม่มีผู้ร่างให้ เนื่องจากเป็นข้อความที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และเห็นว่านายกฯ เคยนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนมาก่อน
นายสมชัยอ้างว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่น่าจะผิดพลาด และการชี้แจงประเด็นนี้ ไม่ควรจบด้วยการออกมาระบุเว่าพิธีผ่านไปแล้วเท่านั้น
ด้านรศ.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ อธิบายว่าคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้องการให้ผู้เข้าปฏิบัติหน้าที่ปฏิบัติตาม 3 ส่วน คือ แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้คำมั่นว่าจะทำหน้าที่ให้ดีต่อชาติและประชาชน สุดท้ายคือการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ หากขาดตกหล่นไปเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถึงไม่มีบทลงโทษทางกฎหมาย แต่ตามประเพณี อาจถือได้ว่ายังปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ และต้องดำเนินการให้ครบถ้วนและในประเด็นนี้หากไม่มีองค์กรใดวินิจฉัย ก็ต้องอาจต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถูกถามถึงประเด็นนี้อีกครั้ง แต่ปฏิเสธตอบโดยระบุว่า “ไม่ตอบแล้ว เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว จะให้เอากลับมาพูดอีกทำไม ส่วนข้อเสนอของ นายชัยเกษม นิติสิริ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ให้รัฐบาลทำเรื่องของพระราชทานอภัยโทษ นายวิษณุ ปฏิเสธตอบในประเด็นนี้ พร้อมระบุว่า “วันหนึ่งจะรู้ว่าทำไมไม่ควรพูด
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ นำหนังสือเข้ายื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรี ที่นำคณะรัฐมนตรี กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ครบถ้วน เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมกับขอให้วินิจฉัยว่า การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 25-26 ก.ค. ที่ผ่านมา ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่