รวมพลังปั่นตามรอยพ่อ ปีที่ 7 ชื่นชมผลผลิตจากศาสตร์พระราชา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นับเป็นโอกาสที่ดียิ่ง ที่ PPTVHD36 ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กับ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด บนเส้นทางจักรยาน 45 กิโลเมตร พื้นที่ป่าต้นน้ำของเมืองไทย อ.วังสะพุง จ.เลย พร้อมกับทำกิจกรรมดีดี ตลอดเส้นทาง “งานนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายแข็งแรง ยังทำให้ป่าต้นน้ำของเมืองไทย โดยเฉพาะต้นกำเนิดลุ่มน้ำป่าสักแข็งแรงและอุดมสมบูรณ์ไปด้วย”

จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ที่ว่า 

“แม่น้ำป่าสักจะบริหารจัดการได้ยากที่สุด เพราะปริมาณน้ำไหลลงอ่างสูงมากหลายเท่าของความจุอ่าง ทำให้การบริหารจัดการทำได้ยาก” 

เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2556 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และภาคเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมถึงสื่อมวลชน และอาสาสมัครคนมีใจ ผนึกกำลังทำโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ตั้งแต่ ปี 2556 จนถึงปัจจุบันเป็นที่ 7 ภายใต้แนวความคิด “แตกตัวทั่วไทย สานพลังสามัคคี”

การปั่นจักรยานครั้งนี้ พวกเรารวมตัวพร้อมเพื่อนนักปั่นจากทั่วประเทศ เช่น กลุ่มนักปั่นสะพานบุญ กันตั้งแต่เช้า บริเวณศาลากลางจังหวัดเลย นำโดย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย อาจารย์ยักษ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายไตรภพ โคตรวงษา ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร เชฟรอน นายสัมพันธ์ คูณทวีลาภผล นายกเทศมนตรีเมืองเลย  เป็นต้น 

เมื่อเสียงแตรให้สัญญาณดังขึ้น ในเวลา 08:00น. เส้นทางป่าต้นน้ำ จากศาลากลาง จังหวัดเลย มุ่งหน้าสู่วัดป่าประชาสรรค์ อ.วังสะพุง จ.เลย ก็เริ่มต้นขึ้น ....

ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายลงมาเบาๆ ส่งผลให้อากาศเย็นสดชื่นตลอดเส้นทาง ช่วยคลายความร้อนลงได้มาก และยิ่งทำให้มีพลัง ในการปั่นจักรยานมากเป็นเท่าทวี เพียงไม่นานก็ถึง จุดแรก...

จุดที่ทำให้ได้รู้จัก "การปั้นหัวคันนา" คือ การทำคันนาให้กว้างและสูงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ พร้อมกับการขุดหลุมขนมครก ตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ณ ต.นาอาน จ.เลย บนพื้นที่ 8 ไร่ ซึ่งเดิมเคยเป็นที่นาของพี่น้องภรรยา ปริพนธ์ วัฒนขำ หรือ คุณไฝ แต่หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ฟองสบู่แตก ได้ย้ายมาตั้งรกรากถาวร จึงลงมือออกแบบสร้างบ้านเอง ถมดินด้วยตัวเอง

จากนั้นในปี 2547 ได้ไปอบรมที่ ศูนย์ฯ มาบเอื้อง เรียนรู้กับอาจารย์ยักษ์ แล้วนำกลับมาตามปรับใช้กับแนวทางของตัวเอง ซี่งเป็น พื้นที่ภูเขา โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ นาอินทรีย์,พื้นที่อบรมและพื้นที่เก็บเมล็ดพันธุ์ พร้อมอาศัยน้ำจากคลองคึกฤทธิ์เก่า

ส่วนพื้นที่เกษตรอีก 3 ไร่ แบ่งทำนา มันญี่ปุ่น กล้วย  มะละกอ หม่อน ส้ม มะนาว เลมอน ปลูกเพื่อกินเอง แจกบ้าง ขายบ้าง นำผลผลิตมาแปรรูป เช่น ไวน์หม่อน ทำปุ๋ย เลี้ยงไส้เดือนและห่มฟาง 

จุดที่ 2 ได้พบกับความร่มรื่นของบ้านและสวนหลังเล็ก แต่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความศรัทธา ความตั้งใจในการเนรมิตที่ดิน 2 ไร่ เป็นบ้านฟากนา ฟาร์มสเตย์ ของคุณสุ สุกัญญา บำรุง หรืออดีตเซลล์ขายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ เคยอาศัยอยู่ใน กทม. แต่สามีเป็นคนจังหวัดเลย จนกระทั่งได้เข้าอบรมที่ ศูนย์ฯมาบเอื้อง พร้อมกับช่วยงานอาจารย์ยักษ์ ด้วยการจัดทริปปั่นจักรยานจากภูผาสู่มหานที จากน่านถึงชลบุรี และอีกครั้งจากน่านถึงชุมพร จึงกลับมาใช้ทั้งแรงใจและศรัทธาที่มีต่อศาสตร์พระราชา สร้างที่ดิน 2 ไร่นี้

คุณสุ บอกว่า เมื่อก่อนมีแต่ความแห้งแล้งจากการเป็นไร่อ้อย ไร่มัน ไม่มีแหล่งน้ำ ปลูกแม้แต่กล้วยยังตาย จึงใช้วิธีห่มฟาง น้ำหมักขี้วัว อันเป็นความรู้ที่ได้ศึกษา มาจากอาจารย์ยักษ์ จนทำให้สภาพดินมีสีดำ สามารถทำการเพาะปลูกได้และเห็นผลภายใน 2 ปี

ส่วนเป้าหมายต่อไป คุณสุ ตั้งใจทำไข่ไก่อินทรีย์หลังจากรับประทานไข่ไก่วันละ 3 ฟอง แล้วพบว่ามีก้อนเนื้อที่เต้านม ทำให้ตระหนัก  ถึงความปลอดภัยของอาหาร จึงจะทำให้ไข่ไก่จากบ้านฟากนา ฟาร์มสเตย์ บริสุทธิ์ที่สุดในทุกกระบวนการ ตั้งแต่อาหารของไก่ด้วยการ ปลูกพืช เช่น หญ้าหวาน ข้าวโพด ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด อ้อยดำ เพื่อให้ลูกไก่กินตั้งแต่ยังเล็ก 

ปัจจุบันบ้านฟากนา ฟาร์ม สเตย์ เป็นที่ฝึกอบรม “เศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐานบันได 9 ขั้น ให้กับผู้ถูกคุมประพฤติเพื่อให้โอกาสให้ความหวังกับคนที่เริ่มต้นใหม่เพื่อก่อเกิดแรงบันดาลใจ โดยอบรมมาแล้ว 2 รุ่น 

“ตอนนี้ที่นี่ปลูกผักสวนครัว กล้วย หม่อน ตะไคร้ เน้นกินเองและแจก ทำปุ๋ยเอง น้ำหมักเอง เพราะ อยากให้ที่นี่เป็น บ้านพึ่งพาตัวเอง ต้องหาอยู่หากินเองได้” ความตั้งใจอันแน่วแน่ของคุณสุ ที่บอกกับเรา

ปิดเส้นทางปั่นจักรยานของเราวันนี้ ด้วยการปลูกแฝก ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ที่สวนรุ่งทิพย์ เกษตรอินทรีย์ อ.วังสะพุง  ของ คุณรุ่ง นางรุ่งทิพย์ ธันขา ซึ่งใช้ที่ดิน 8 ไร่ ที่เคยทำสวนผลไม้ ปรับเปลี่ยนมาเป็นเกษตรอินทรีย์ทฤษฎีใหม่ ตามศาสตร์พระราชา โดยมีลูกสาวเป็นผู้นำชุมชนพาไปดูงาน ทำน้ำหมัก และเรียนรู้กับอาจารย์ยักษ์  มา 3 ปี

ส่วนคุณรุ่ง ก็หาข้อมูลความรู้เพิ่มเติมจากเฟซบุ๊ก ยูทูป มาเสริม ทำให้ตอนนี้มีทั้งสวน ทั้งพืชผสมผสาน แต่ยังต้องเช่าที่ทำไร่อ้อย เนื่องจากในช่วงฤดูแล้ง  ผักหวาน เงาะ ดอกขจร จะไม่ได้พืชผลเพราะน้ำไม่พอ แม้ว่าจะมีบ่อแต่ดึงน้ำไม่ได้ แรงดันน้ำไม่ถึง จึงต้องแก้ไขโดยการใช้ปั๊มน้ำ หรือต้องซื้อที่เพิ่มอีก 4 ไร่ ไร่ละ 2 แสนบาท เพราะเป็นคลองน้ำหลักจึงจะมีน้ำพอใช้ รวมถึงการขุดสระให้ลึก ลงไปอีก เพื่อเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด หากมีใครมาเยี่ยมเยียนสวนแห่งนี้ คุณรุ่งจะแบ่งบันความรู้ และคาดหวังว่าจะสร้างให้เป็นแหล่งอาหาร  

นอกจากนี้ ในสวนยังมีพืชอย่าง จิงจูฉ่าย รากสามสิบ ใต้ต้นไม้มีเห็ดระโงก เลี้ยงเป็ด ไก่ หมูป่า ทำโครงการให้ยืมหมูป่าไปเลี้ยงทีละคู่ เพราะอยากให้คนอื่นทำเหมือนเรา คิดเหมือนเรา 

และการมาเยือนสวนคุณรุ่งครั้งนี้ พวกเราคนปลายน้ำได้ช่วยกันปลูกต้นไม้ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อตอบแทนคนต้นน้ำที่อุทิศแรงกาย แรงใจ เดินตามรอยศาสตร์พระราชาเพื่อเป็นเกราะป้องกันคนข้างล่างอีกด้วย

ก่อนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า กลิ่นดินจากฝนที่ร่วงหล่นตลอดเส้นทางเหมือนพลังอันแรงกล้าของนักปั่น จิตอาสา ที่มีหัวใจอันชุ่มฉ่ำพร้อมปกป้องรักษาป่าต้นน้ำของเมืองไทยเอาไว้ให้อุดมสมบูรณ์ที่สุด เชื่อว่าหลายร้อยนักปั่นวันนี้จะเป็นสื่อกลางและแรงขับเคลื่อนเล็กๆ ที่สำคัญ ให้คนทั้งประเทศได้เห็นถึงคุณค่าของป่าบนผืนแผ่นดินไทย โดยมีหัวใจสำคัญคือ ศาสตร์ของพระราชาอันเป็นเข็มทิศนำทางให้ได้มารวมตัวกันสานต่อตามรอยพ่อของแผ่นดินตลอดไป

“โคก หนอง นา” โมเดล ดูแลป่าต้นน้ำเมืองไทยตามศาสตร์พระราชา

“หัวหน้าฉิม” ผู้ยึดมั่นในศาสตร์พระราชาทำให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ