ตร.รอผลตรวจดีเอ็นเอ จ่อขอศาลออกหมายจับมือวางบึ้มป่วนกรุง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ส่วนความคืบหน้าในคดีคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทางตำรวจกำลังอยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยัน และเตรียมไปขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาผู้ก่อเหตุต่อไป

หลังจากที่วานนี้ ( 5 ส.ค.)ได้มีการประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล  โดยมีการนำข้อมูลกลุ่มผู้ก่อเหตุมาพิจารณาเพื่อเตรียมออกหมายจับมือวางระเบิดตามจุดต่างๆโดยเฉพาะที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และหน้ากองบัญชาการกองทัพไทย  ซึ่งคาดว่าจะสามารถขอศาลออกหมายจับชายต้องสงสัย 2 คน ที่แต่งกายอำพรางใบหน้า ซึ่งปรากฎตามกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพเอาไว้ได้ขณะเตรียมก่อเหตุ

แต่เบื้องต้นการออกหมายจับดังกล่าวยังไม่สามารถออกได้ทันที เนื่องจากจะต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันตัวตนให้ชัดเจนก่อน จากนั้นจะนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ และเมื่อได้หลักฐานต่างๆครบถ้วนแล้ว จึงจะไปขอศาลอนุมัติหมายจับ โดยเชื่อว่าภายใน 2-3 วันนี้ คดีความจะเริ่มมีความชัดเจนขึ้น

ส่วนแนวทางการสืบสวนในเบื้องต้นจะเน้นไปที่การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ของนายลูไซ แซแง และนายวิลดัน มาหะ ผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดที่บริเวณหน้าด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ถูกจับกุมได้ เช่น เสื้อผ้าที่สวมใส่และใช้เปลี่ยนเพื่ออำพรางตัวเอง และพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง มาประกอบสำนวนการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะต้องนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้ด้วยว่า มีบุคคลใดถูกจับกุมได้หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯหรือไม่ เนื่องจากเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 2 พื้นที่ มีความเชื่อมโยงกัน โดยข้อมูลดังกล่าวยังสอดคล้องกับข้อมูลการเดินทางเข้าและออกประเทศผ่านด่านในจ.นราธิวาส ของนานลูไซและนายวิลดัน ก่อนหน้าที่จะไปลงมือก่อเหตุด้วย

สำหรับเป้าหมายในการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง แต่วัตถุประสงค์หลักยังคงมองว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่า รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบได้

ส่วนเรื่องการแจ้งเบาะแสวัตถุต้องสงสัยนับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดวันที่ 2 ส.ค. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 บอกว่า  มีผู้แจ้งเบาะแสวัตถุต้องสงสัยมากกว่าวันละ 10 คน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนจะเกิดความตื่นตัว โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD  ก็มีความพร้อมที่จะเข้าตรวจสอบเหตุที่มีการรับแจ้งในทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว และผลจากการเข้าตรวจทุกจุด ตามรายงานยังไม่พบว่ามีจุดใดพบวัตถุอันตรายแต่อย่างใด

ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ใกล้แยกศรีสมาน ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เรียกชุดสืบสวนเร่งติดตามความคืบหน้า ซึ่งเมื่อวานนี้ทางตำรวจได้เชิญตัวนักศึกษาชาย 2 คน จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าให้ปากคำพร้อมกับอาจารย์ หลังพบข้อมูลว่าคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยน์มาก่อเหตุวางระเบิดที่หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 

เบื้องต้นได้มีการสอบถามนักศึกษาทั้ง 2 คน อย่างละเอียด ซึ่งพบว่ารถจักรยานยนต์ของหนึ่งในนักศึกษาที่พบในภาพวงจรปิดนั้น เป็นรถคันเดียวกับที่ก่อเหตุจริง ซึ่งจากการสอบสวนทั้งคู่ยอมรับว่ามีเพื่อนนักศึกษามาจากชายแดนภาคใต้ และมาขอยืมรถจักรยานยนต์ไปใช้ แต่ไม่ทราบว่านำไปก่อเหตุหรือไม่  ซึ่งแนวทางขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล ล่าสุดยังพบข้อมูลว่ามีรถยนต์ที่ร่วมในการก่อเหตุถูกนำไปจอดทิ้งไว้ในเขตพื้นที่จ.ปทุมธานี  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้งตำรวจภูธรภาค 1 และ สภ.ปากเกร็ด  กำลังเร่งรัดติดตามตัวมือระเบิดรายนี้มาดำเนินคดีอย่างเร่งต่อไป

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ