ผู้ป่วย" รับยาที่ "ร้านขายยา" ตามใบสั่งแพทย์ โดยเน้นจ่ายยาทั่วไป ยาโรคเรื้อรัง ซึ่งร้านขายยาที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีกว่า 20,000 แห่ง โดยแนวทางนี้มีข้อดีตามการวิเคราะห์ใน บทความ เชื่อมระบบสาธารณสุขสู่ร้านยาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.ภญ.ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนหนึ่งระบุว่า...
การนำใบสั่งยาจากแพทย์ไปซื้อยาที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาล มีข้อดีหลายประการ ทั้งในกรณีโรงพยาบาลของรัฐ ช่วยแก้ไขปัญหาการแออัดในโรงพยาบาลที่ทำให้คนไข้ต้องรอคิวนาน , คนไข้มีอิสระที่จะตัดสินใจซื้อยาจากร้านขายยา หรือจากห้องยาโรงพยาบาล ขึ้นกับความสะดวกและราคาที่ผู้ป่วยยินดีจ่าย ,คนไข้จะมีเวลาพูดคุยและรับคำแนะนำจากเภสัชกรที่ให้บริการที่ร้านขายยาจนแน่ใจว่าใช้ยาได้ถูกต้องและระหว่างการใช้ยาถ้ามีปัญหาที่ต้องการคำปรึกษา คนไข้ก็สามารถแวะมาขอคำปรึกษาเภสัชกรได้ตลอดเวลา
แต่หากจะเป็นปัญหา คงเป็นที่พฤติกรรมการซื้อยาของคนไข้ คือ คนไข้มาซื้อยาใช้ด้วยตนเอง ไม่ได้ผ่านคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน หรือเบาหวาน มักซื้อยาชนิดเดิมซ้ำๆ โดยไม่ไปพบแพทย์ ขณะที่เภสัชกรเองก็ไม่มีข้อมูลผู้ป่วยว่าใช้ยาชนิดนี้มานานเท่าไร และสมควรใช้ซ้ำ ใช้เพิ่ม หรือต้องมีการปรับปริมาณยาหรือไม่ ดังนั้น
“การนำใบสั่งมาซื้อที่ร้านขายยาจะช่วยให้เภสัชกรมีข้อมูลที่จะให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากผู้ที่มีอาการป่วยโรคเรื้อรังสมควรได้รับการติดตามดูแลเป็นระยะ และต้องมีการดูแลร่วมกันระหว่างเภสัชกรและแพทย์ผู้ให้การรักษา ผู้ป่วยจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด”
อีกด้านหนึ่งเป็นข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยกสิกร เมื่อปี 2560 พบว่า ร้านขายยาเป็นทางเลือกแรกของคนไข้กรณีเจ็บป่วยทั่วไป หรือ ไม่รุนแรง ในสัดส่วน 32 % เมื่อเทียบกับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน คลินิกเอกชน โรงพยาบาลรัฐ และคาดว่า ธุรกิจร้านขายยามีมูลค่าตลาดประมาณ 40,000 ล้านบาท ขยายตัว 8-10% เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งมีทั้ง ร้านขายยาทั่วไป (Stand-alone) และร้านขายยาแบบ Chain Store
ศูนย์วิจัยกสิกร ยังระบุด้วยว่า หากมองในมุมเชิงธุรกิจ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ส่งผลให้ธุรกิจร้านขายยา เป็นหนึ่งในธุรกิจกลุ่ม Non-hospital ที่น่าสนใจในการขยายการลงทุนและมีแนวโน้มขยายตัวได้อีก เพราะพฤติกรรมของคนไข้ กรณีที่มีอาหารเจ็บป่วยทั่วไป อย่าง ไข้หวัด ปวดหัว ท้องเสีย และไม่มีสวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาลของเอกชน ส่วนใหญ่จะซื้อยามาทานเองมากขึ้น โดยให้เหตุผลว่า “มีความสะดวกรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายไม่สูงนักเมื่อเทียบกับไปโรงพยาบาลเอกชน และไม่ต้องรอคิวพบแพทย์นานเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลรัฐ”
หากมองในมุมเชิงสังคม การรักษาพยาบาลของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันไปซื้อยาทานเองมากขึ้น “สะท้อนปัญหาความแออัดของการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนที่สูงขึ้น” ซึ่งการซื้อยาทานเองอาจจะไม่ใช่การรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง แต่ควรจะเป็นการได้รับการรักษาหรือคำแนะนำจากแพทย์
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังบอกด้วยว่า สำหรับยาที่จะให้จ่ายในร้านขายยาจะเป็นยาทั่วไปในบัญชียาของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คิดง่ายๆ พูดภาษาชาวบ้านคือ สปสช.จ่ายเงินไปที่ รพ. รพ.ก็โอนเงินไปร้านขายยา ถ้าต้องใช้ยาทั่วไปยาในบัญชีก็ไปรับร้านขาย ยาโรคเรื้อรัง ถ้าเป็นยาเฉพาะทางก็รับที่โรงพยาบาล พยายามทำให้เป็นทางเลือก
วางยุทธศาสตร์ 3 ปี ขยายร้านยาคุณภาพ ครอบคลุมทั่วไทย
ถอดรหัสวิธีคิดอัตรากำลังพยาบาลวิชาชีพ
"อนุทิน"ลั่นงานแรกนั่ง รมว.สธ.คือกัญชาเสรี