ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แจ้งข่าวร้ายถึงการจากไปของ “มาเรียม” ลูกพะยูนหลงฝูง ที่ทางกรมฯได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ระบุว่า
“หลับให้สบายนะ น้องมาเรียม เจ้านางฟ้าตัวน้อย”
วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ กรม ทช. ขอแจ้งข่าวร้ายว่า น้องมาเรียม ได้จากพวกเราไปแล้ว ทีมแพทย์พบว่าน้องมาเรียม หยุดหายใจ และไม่เจอชีพจร จึงรีบนำขึ้นจากน้ำรอบแรก กระตุ้นหายใจ พบมีการตอบสนอง ตายังตอบสนอง จึงเอาลงบ่อ จากนั้นตรวจชีพจรซ้ำ แต่ไม่เจอชีพจรอีก จึงฉีดยาช่วยชีวิต และเอาขึ้นจากบ่อรอบที่ ๒ จนกระทั่งเวลา ๐๐.๐๙ น. น้องได้จากพวกเราไปอย่างสงบแล้วครับ”
“มาเรียม” อาการดีขึ้น คาดสาเหตุป่วย หนีพะยูนตัวผู้จนสำลักน้ำ
3 เดือน 3 ตัว !! เร่งหาสาเหตุลูกพะยูนเกยตื้น
อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าวันนี้ สัตวแพทย์หญิง นันทริกา ชันซื่อ หัวหน้าคณะสัตวแพทย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Nantarika Chansue” ระบุว่า
“ตี 5.52 น. เพิ่งผ่าพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตของมาเรียมจบ... ทีมสัตวแพทย์ 10 คนจาก ทช จุฬา ทร. และ มทร . ร่วมกัน
เศร้ามากค่ะ ที่พบว่าเธอเสียชีวิตโดยมีสาเหตุจากการช็อค จากการเบื้องต้นจากเศษพลาสติกเล็กๆหลายชิ้นขวางลำไส้จนมีอาการอุดตันบางส่วนและอักเสบ จนทำให้มีแก๊สสะสมเต็มทางเดินอาหาร มีการติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดเป็นหนอง ตามมา
“มาเรียม” ป่วยหนัก ติดเชื้อในกระแสเลือด
“เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ทรงรับพะยูนน้อย 2 ตัว ไว้ในพระอุปถัมภ์
ช่วงแรกของการรักษาสามารถลดการติดเชื้อในระบบหายใจลงได้บางส่วนแต่ในทางเดินอาหารที่มีขยะพลาสติกนั้นไม่สามารถรักษาได้ จึงลุกลามไปจนช้อคเสียชีวิตในที่สุด
รอยโรคอีกส่วนหนึ่งที่พบคือมีรอยช้ำเลือดในกล้ามเนื้อและผนังช่องท้องด้านใน ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกกับของแข็งเช่นหินขณะท่ีเกยท่ีตื้น
ทุกคนเศร้าเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่สิ่งที่ตอกย้ำให้ต้องแก้ไขถ้าจะอนุรักษ์ให้สัตว์ทะเลหายากยังคงอยู่กับเราต่อไป”
โดยต่อมารายการโชว์ข่าวสุดสัปดาห์ทางสถานีโทรทัศน์ PPTVHD 36 ได้โฟนอินสัมภาษณ์โดยเธอได้เล่าว่า สาเหตุการตายของมาเรียม มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุใหญ่คือการที่เขาหัวใจวายเนื่องจากทางเดินอาหารมีแก๊สอยู่เต็ม ซึ่งเกิดจากการที่ลำไส้อักเสบ และมีพลาสติกอุดอยู่ส่วนหนึ่ง และปอดค้าก็แย่ อาจจะมีรอยช้ำจากคลื่นซัดกระแทก ส่วนการโดนพะยูนไล่ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงองค์ประกอบ ตอนนี้สาเหตุเป็นเรื่องทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
เธอระบุว่าต่อเท่าที่ดูเป็นเศษถุงก็อปแก๊ป ที่เป็นเศษชิ้นๆ ที่อยู่ในแปลงหญ้าทะเล เวลาพลาสติกเสื่อมคงอยู่ในแปลงหญ้าทะเล มันไม่ใช่เป็นชิ้นใหญ่ โดยมีไม่เยอะแต่ก็พอที่จะทำให้เกิดปัญที่ลำไส้เล็ก
ตั้งแต่วันที่ 8 เขาเริ่มไม่กินอาหาร และซึงลงเรื่อยๆ มีอาการโก่งตัวเหมือนปวดท้อง และปวดมาเรื่อยๆ เราพยายามให้ยา ก็พยามหาแต่ก็ไม่เจอ เรารู้ว่าเค้าปวดท้อง ท้องอืด และมีปอดอักเสบ มีหนองในปอด โดยติดเชื้อทั้งระบบ ก็มีปัญหาทั้งระบบ เป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด
จากนี้คงนำไปสตาฟฟ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้คนรุ่นหลังอนุรักษ์ กรมทรัพยากรฯก็เป็นห่วง
“มาเรียมเหมือนเป็นทูตมาบอกว่าเรามีปัญหานะ”
สัตวแพทย์หญิงนันทริการะบุว่า “เศษพลาสติกกระจายอยู่ในทะเล อันที่ยาวสุดก็ยาวสุดประมาณ 10 กว่าเซ็นติเมตร โดยน่าจะเกิดจากการสลายตัวของถุงพลาสติก”
“เราพยายามดูแลจนเค้ากินนมได้น้อยลง และไปกินหญ้าทะเล ก็เป็นควมสำเร็จ แต่ก็น่าเสียดายที่หญ้าที่กินได้มีสิ่งแปลกปลอมจนเค้าเสียชีวิต มีคนอยากเห็นเค้าคืนสู่ธรรมชาติ แต่ธรรมชาติไม่ได้ดีเสมอไปในตอนนี้ แต่สิ่งที่อยู่นะรรมชาติกลายเป็นอันตรายกว่าที่เราเลี้ยงอยู่”
เธอระบุว่าจากนี้าอาจต้องเลี้ยงในบ่อก่อน ค่อยปล่ะพอยกลับสู่ธรรมชาติ และหากกลับไปสู่ธรรมชาติและหากินไม่ได้ก็อาจต้องอยู่ในบ่อตลอดชีวิต สิ่งแวดล้อมมันไม่ได้น่าอยู่มากแล้วสำหรับสัตว์ทะเลหายาก
