เป็นตัวอย่างของสมุนไพรที่ทางโรงเรียนบ้านโจดหนองแกหนองสิม อ.พล จ.ขอนแก่น นำมาแสดงให้ผู้ปกครองนักเรียนดูระหว่างการพูดคุยทำความเข้าใจถึงกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อยืนยันว่าน้ำที่นักเรียนดื่มเป็นเพียงน้ำสมุนไพรที่มีส่วนผสมของใบเตย ย่านาง และใบเบญจรงค์ ที่มีฤทธิ์เย็น เมื่อเด็กนักเรียนมีอาการตัวร้อนหรือไม่สบายดื่มน้ำนี้แล้วจะมีอาการดีขึ้น
ครูโพสต์กลั่นฉี่ผสมน้ำสมุนไพรให้เด็กดื่ม ปฏิเสธไม่จริง
โดยครูที่โพสต์ข้อความก็ยืนยันกับผู้ปกครองว่า น้ำที่ให้เด็กดื่มเป็นน้ำสมุนไพร ไม่ได้ใส่น้ำปัสสาวะเข้าไปส่วนการโพสต์เรื่องน้ำปัสสาวะนั้นก็เป็นความเห็นส่วนตัวและการอวดอ้างในกลุ่มเฉพาะเท่านั้นเบื้องต้นทางผู้ปกครองก็เข้าใจ และไม่ติดใจเอาความ
ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่า ปกติโรงเรียนมีห้องพยาบาล ที่มียารักษาโรคสำหรับเด็กอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องผลิตน้ำยาสมุนไพรหรือตัวยาอื่นมารักษาโรค แต่กรณีที่ครูผลิตน้ำสมุนไพรก็ถือเป็นความเชื่อและความสนใจส่วนบุคคลเท่านั้น หลังจากนี้ได้ห้ามนำน้ำสมุนไพรมาให้นักเรียนดื่มอีก
แม้ครูจะยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ผสมปัสสาวะในน้ำให้นักเรียนดื่ม แต่เพื่อความสบายใจ ทางโรงเรียนได้นำตัวอย่างน้ำสมุนไพรชุดเดียวกับที่ให้เด็กดื่ม ส่งตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลหนองสองห้องว่ามีส่วนผสมของน้ำปัสสาวะหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลเร็ววันนี้
ส่วนบทบาทของกระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจให้กับสังคมถูกนำไปถามกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.สาธาณสุข โดยยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องชี้แจง หรือ ออกเป็นกฎกระทรวงห้ามนำ ปัสสาวะและอุจจาระ ไปกินหรือทา เพราะกินไม่ได้อยู่แล้ว มีของดีทำไม่ไม่กินและเมื่อถูกซักว่ามีการอ้างสรรพคุณว่ารักษาโรคและแจกจ่ายให้เด็กและคนอื่นทาน นายอนุทินระบุว่า "เพี้ยนหรือเปล่า"
“หมอหนู” ปัดออกประกาศห้ามกินปัสสาวะ
ด้านนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ยืนยันว่าน้ำปัสสาวะเป็นของเสียที่ร่างกายกรองออกมา ประกอบด้วยโซเดียม ยูเรีย คลอไรด์ และอาจมีเชื้อโรคบางตัว ในกรณีคนที่มีโรคประจำตัว หรือบางส่วนที่กินยาแผนปัจจุบันร่วมด้วย ปัสสาวะก็อาจมีส่วนผสมของกากยาซึ่งกลายเป็นของเสียแล้ว ดังนั้นการดื่มปัสสาวะอาจไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อโรคที่เป็นอยู่ หรือส่งผลต่อไตหรือตับให้ทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้ร่างกายติดเชื้อระบบทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้นจากสิ่งสกปรกที่ปะปนในปัสสาวะ
อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำว่า ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีผลการศึกษาว่าปัสสาวะสามารถรักษาโรคได้ ส่วนแนวคิดการใช้ปัสสาวะรักษาโรค โดยอ้างความเชื่อทางศาสนาเป็นเรื่องยากจะเปลี่ยนแปลงความคิด พร้อมทั้งประสานโรงพยาบาลในพื้นที่ที่มีประชาชนใช้ปัสสาวะรักษาโรคติดตามการใช้ชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อนำข้อเท็จจริงมาให้ความรู้กับประชาชน