เมื่อวันที่ (10 ก.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่า เป็นการจับกุมในข้อหาเล็กน้อย เนื่องจากตนบังเอิญไปปรากฏตัวอยู่ในสถานที่เดียวกันขณะเกิดการจับกุมขึ้น จนเป็นเหตุให้ถูกจับกุมไปด้วยและถูกจำคุกอยู่เพียงสองสามเดือนก็ได้รับอิสระ ไม่ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ายาเสพติดแต่อย่างใด โดยยืนกรานในระหว่างการแถลงข่าวก่อนหน้ารับตำแหน่งว่า สื่อสามารถไปสอบถามศาลนครซิดนีย์ได้เลยว่าตนพูดความจริงหรือไม่
“ผู้กองมนัส” ยันรัฐบาลเสียงไม่ปริ่มน้ำ
หลังจากนั้น นายไมเคิล รัฟเฟิลส์ และนายไมเคิล อีแวนส์ ผู้สื่อข่าวของซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ และผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ ดิ เอจ ในประเทศออสเตรเลีย จึงได้ไปติดต่อขอรายละเอียดในคดีดังกล่าวมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
ล่าสุด ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ อ้างว่าจากรายละเอียดของคดีทั้งหมดที่ได้จากบันทึกคดี, คำให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรายงานการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่เปิดปฏิบัติการจับกุมในครั้งนั้นภายใต้ชื่อรหัส “โอเปอเรชัน โดรเวอร์” สามารถเปิดเผยได้ว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้ถูกกล่าวหาในคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
แต่ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ อ้างว่า สามารถระบุได้ว่า ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งรู้จักกันในเวลานั้นในยศและชื่อว่า ร.ท.มนัส โบกพรหม โดยเป็นบุคคลสำคัญในคดี เป็นผู้จัดหาวีซ่า และตั๋วเครื่องบิน ให้กับผู้ถือยาเสพติดที่เป็นผู้หญิงรายหนึ่งนำยาเสพติดเข้ามาในออสเตรเลีย และถูกบันทึกจากการดักฟังได้ว่า เป็นคนที่ปรากฏตัวอยู่กับผู้หญิงรายดังกล่าวด้วยขณะที่กำลังจัดกระเป๋าบรรจุยาเสพติด และเป็นผู้ช่วยเหลือในการนำส่งกระเป๋าใบนั้นไปยังจุดซึ่งนัดหมายกับผู้ซื้ออีกด้วย
ทั้งนี้ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ ระบุอีกว่า ด้วยเหตุนี้ศาลนครซิดนีย์ จึงพิพากษาลงโทษจำคุก ร.ท.มนัส โบกพรหม (ยศในขณะนั้น) เป็นเวลา 9 ปี มีระยะเวลาห้ามบรรเทาโทษ 4 ปี ทำให้ ร.ท.มนัส หรือ ร.อ.ธรรมมนัส ถูกจำคุกอยู่จนถึง 14 เมษายน ปี 2540 จึงได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ แล้วถูกเนรเทศกลับทันที หลังจากนั้น ร.ท.มนัส ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ธรรมนัส พรหมเผ่า แล้วกลับเข้ารับราชการในกองทัพบกอีก