ญาติทารก ปัด ค้ามนุษย์ ยัน ลงเพจหาคนอุปถัมภ์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กลายเป็นที่วิพากษณ์วิจารณ์กันอย่างหนักในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเพจดังได้แชร์เรื่องราวการซื้อขายทารกจากแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมผ่านเฟซบุ๊ก เบื้องต้นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวผิดพ.ร.บคุ้มครองเด็กฯ และกำลังตรวจสอบว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่

ขายเหมือนสิ่งของ!! แม่โพสต์ขายลูกผ่านเฟซบุ๊ก

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพจากกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อว่า รับอุปการะเด็กจากแม่ที่ท้องไม่พร้อม ซึ่งภายในกลุ่มจะมีการโพสต์ภาพเด็กทารก ระบุเพศ หรือมีการโพสต์หาคนอุปการะเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยอ้างว่าแม่เด็กท้องไม่พร้อม และมีการระบุข้อความว่า โอนจอง เหมือนเป็นการซื้อขายสินค้าทั่วไป อีกทั้งบางโพสต์ยังมีการลงข้อมูลที่อยู่ และเบอร์ติดต่อไว้อย่างเปิดเผย

ทีมข่าวพีพีทีวี ติดต่อไปยังผู้ที่ถูกอ้างว่าประกาศหาผู้อุปการะเด็ก ก่อนได้รับคำชี้แจงว่า เด็กที่อยู่ในภาพเป็นลูกของหลานสาวที่เป็นใบ้ และครอบครัวมีฐานะยากจน จึงต้องการหาคนรับเลี้ยง ก่อนหน้านี้ติดต่อไปยังมูลนิธิให้ช่วยหาคนรับเลี้ยง ซึ่งขณะนี้มีนายตำรวจเป็นผู้รับอุปถัมภ์แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนนำไปลงเพจ และไม่มีเจตนาค้ามนุษย์อย่างที่คนในสังคมคิด ซึ่งในขณะนี้เด็กยังอยู่กับที่บ้านและไปๆมาๆกับผู้รับอุปถัมภ์

นอกจากนั้นในโพสต์ดังกล่าว ยังมีข้อความจากแชทที่คนส่งเข้าไปหาแอดมินเพจ โดยระบุว่า กำลังตั้งท้องได้ 3-4 เดือน แต่ยังไม่ได้ฝากครรภ์ โดยอ้างว่าคุมกำเนิดแล้วหลุด ไม่พร้อมที่จะเลี้ยงแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอาเด็กออก จึงอยากให้ทางเพจช่วยหาคนอุปการะ ซึ่งทางเพจก็มีข้อความสนทนาตอบกลับว่าจะติดต่อกลับ

ด้านนางสุภัชชา สุทธิพล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกระทรวงได้ประสานกับกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อตรวจสอบว่ามีการซื้อขายเด็กทารกและเข้าข่ายการค้ามนุษย์จริงหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบการโพสต์ภาพเด็กทารก และประกาศซื้อขายจากแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม เข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก มาตรา 26 (4) ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาทางสื่อมวลชนหรือเผยแพร่ด้วยประการใด เพื่อรับเด็กหรือยกเด็กให้แก่บุคคลอื่นฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกินสามหมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามกฎหมายอื่นอีก

นางสุภัชชา ยังให้ข้อมูลอีกว่า การรับอุปการะเด็กในสังคมไทย มีสูงถึงปีละ 200ราย แต่ต้องผ่านกระบวนการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย และต้องผ่านหลักเกณฑ์ดังนี้

1.ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย15 ปี
2.บุตรบุญธรรมที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ต้องให้ความยินยอมด้วย
3. กรณี ผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ จะต้องได้รับความยินยอมจากบิดา มารดา
4. ถ้ามีคู่สมรสต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน
5. ผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลใดอยู่ จะเป็นบุตร บุญธรรมของบุคคลอื่นอีกในขณะเดียวกันไม่ได้

ส่วนขั้นตอนในการติดต่อขอจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม หากบุตรบุญธรรมยังเป็นผู้เยาว์ หากอยู่ในกรุงเทพมหานครจะต้องยื่นคำขอที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมกรมกิจการเด็กและเยาวชน ส่วนต่างจังหวัดให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานพัฒนาสังคมในจังหวัดนั้นๆ

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ