เมื่อวันที่ (18 ก.ย.62) ที่รัฐสภา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงแทนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า จะขอชี้แจงตามความรู้เท่าที่มีซึ่งอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เพิ่งจะมีการตั้งข้อบังคับใหม่ขึ้นมา ที่ผ่านมาการตั้งกระทู้ถามไม่ได้ระบุว่าจะต้องถามคนต่อคนหรือถามแล้วบุคคลนั้นต้องชี้แจง จึงมีการตั้งการอภิปรายตามมาตรา 152 ขึ้น มีใจความสำคัญสามารถเสนอแนะหรือสอบถามได้ รวมถึงเป็นการสอบถามหารือมากกว่าการจะมาต่อสู้ทางการเมือง ทำให้การอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นไปได้ด้วยดีตั้งแต่เริ่มอภิปราย
“บิ๊กตู่” รอด! ศาลรธน.วินิจฉัย ไม่ขาดคุณสมบัติ หัวหน้าคสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
“ปิยบุตร” จี้ “วิษณุ” ยุติช่วยเหลือทางกฎหมาย “ประยุทธ์”
ในส่วนการอภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้หลายคนไม่ทราบว่าใครทำอะไรที่ไหน แต่บางท่านอาจจะหลงลืม ย้อนไป 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ระบุว่า ก่อนเข้าปฎิบัติหน้าที่ก็ต้องถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์ เหตุการณ์วันนั้น คณะรัฐมนตรีทั้ง 36 คน เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีหยิบกระดาษแข็งออกมาจากกระเป๋าเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีคนก่อนก่อนประพฤติปฏิบัติกันมา ช่วงที่นายกรัฐมนตรีกล่าวนำในแต่ละประโยคคณะรัฐมนตรีก็กล่าวตาม แต่ไม่ขอระบุรายละเอียดว่าประโยคดังกล่าวมีว่าอย่างไร แต่จะขอย้ำตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งออกมาว่าเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีกระทำกับพระมหากษัตริย์ หรือ(Act of Goverment) และ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง หรือ political issue ซึ่งในหนังสือ “หลังม่านการเมือง” ของตน ระบุไว้ชัดเจนเป็นไปตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยผู้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ เป็นบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงไว้วางพระราชหฤทัยพึงพอใจ
นอกจากนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า การถวายสัตย์ฯ สามารถเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ ในอดีตเคยทำในสถานที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญต้องมีผู้รับการถวายสัตย์ฯ นั่นคือพระมหากษัตริย์ ไม่สามารถถวายสัตย์ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ได้
นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า ข้อความในการถวายสัตย์ฯ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นเรื่องระหว่างผู้ถวายสัตย์และผู้รับถวายสัตย์ฯ
สำหรับเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแบบรับมีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และหลังจากการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ทรงมีพระราชดำรัสกลับมาระบุเนื้อหาสาระสำคัญไว้ชัดเจน ขอให้คณะรัฐมนตรีประพฤติปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามคำถวายสัตย์ฯ ที่ให้ไว้ หลังจากนั้นรัฐบาลก็ปฎิบัติหน้าที่ตามปกติเหมือนกับรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมา อย่างสมบูรณ์ รวมถึงการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และทุกเรื่องไม่มีเรื่องใดโมฆะตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านกังวล
