“ถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ” นี่คือสิ่งที่ กัลยา สำอาง หรือ ปู บอกกับตัวเองเสมอมาตลอด 14 ปี ที่ตัดสินใจลงมือทำเกษตรอินทรีย์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์
"ศาสนา สอนผา" นำพาศาสตร์พระราชามาฟื้นผืนป่าบนภูหลวง
“ปู” เติบโตมาในจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้เมืองไทยอย่างจังหวัดจันทบุรี บ้านทำสวนผลไม้ “สวนบุญทวี” อ.ขลุง จ.จันทบุรี และเพื่อให้ผลผลิตเป็นไปตามต้องการของล้งที่มารับซื้อและให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดการใช้ “สารเคมี” ทุกชนิดจึงถูกนำมาใช้
“เวลาคุณพ่อผสมยาแล้วฉีดพ่นทุเรียนเราก็จะเป็นเด็กที่ลากสายยางช่วยคุณพ่อในการทำสวน อะไรที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าผลผลิตออกดีเขาก็จะทุ่ม เราไปจ่ายเงินค่าปุ๋ย ปีละ 4-5 แสนบาท”
จนกระทั่ง.....สารเคมีส่งผลต่อร่างกายคุณพ่อของเธอและจากไป...
การสูญเสียครั้งสำคัญทำให้เธอตัดสินใจ “หักดิบ” สวนผลไม้ 40 ไร่ทั้งหมด หันมาทำเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเธอถือว่าแผ่นดินนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องสานต่อจากพ่อ เธอจึงตัดสินใจเข้าอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี ตั้งใจเรียนรู้การทำกสิกรรมธรรมชาติกับ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมดินโลก
จุดนั้นเองที่ทำให้พบว่า “เกษตรอินทรีย์ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทางหลัก” จึงมุ่งหน้าทำสวนผลไม้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมีทางการเกษตร เลือกใช้น้ำหมักรสต่างๆ และสารชีวภัณฑ์ทดแทน และจากบทพิสูจน์นี้ได้ออกมาเป็น “ผลผลิตที่มีคุณภาพโดยแท้จริงทั้งเนื้อสัมผัส รสชาติ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ”
เปิดบทสัมภาษณ์เพื่อเรียนรู้ศาสตร์พระราชากับ “อาจารย์ยักษ์” ผู้อุทิศตนให้ผืนป่าเมืองไทย
เมื่อพื้นที่ทำกินของตนเองประสบความสำเร็จต่อมาคือการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับ “กสิกรรมธรรมชาติโป่งแรด” ซึ่งเธอยอมรับว่าในช่วง 10 ปีแรกกับความพยายามต่อสู้กับความเชื่อของชาวสวนว่า “เกษตรอินทรีย์มันใช้ไม่ได้จริง” ซึ่งเธอเชื่อว่าการที่หลายคนไม่ประสบความสำเร็จอาจเป็นเพราะศึกษาไม่มากพอและไม่มีผู้นำ จึงไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนสุดท้ายพวกเขาเลยกลับไปใช้สารเคมีต่อ เธอจึงถอดบทเรียนการทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยการเป็นผู้นำโดยใช้ความสำเร็จจากสวนบุญทวีเป็นตัวอย่างและเป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อให้เห็นการปฏิบัติจริงนอกเหนือจากการสอนด้วยหลักการเพียงอย่างเดียว เพราะการได้เห็นพื้นที่จริงเปรียบเสมือนห้องเรียนที่ทุกคนจะได้ลงมือทำ หากเกิดปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้จริง
การสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ เธอมองนอกเหนือไปจากการทำเพื่อสร้างรายได้แต่คือการผลักดันให้การทำเกษตรอินทรีย์เติบโตต่อไป ด้วยการขับเคลื่อนสร้างเครือข่ายการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมในจังหวัดจันทบุรี โดยมีเป้าหมายใหญ่ คือการส่งต่อผลผลิตให้ผู้บริโภคได้กินของดี
และเหนือสิ่งอื่นใดคือการได้มาซึ่ง “สังคมเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม” เกิดมิตรภาพระหว่างเธอกับลูกศิษย์เป็นความ “อิ่มใจในแบบที่เงินซื้อไม่ได้” นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่ทำให้เกษตรอินทรีย์มีพลังมากขึ้นคือการผลักดันของ โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ที่เข้ามาเป็นตัวเชื่อมให้เกษตรอินทรีย์สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมายได้มากขึ้น
“หนูอยากให้ทุกคนเดินตามรอยพ่อของแผ่นดินค่ะ สิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ให้เป็นขุมทรัพย์กับคนไทยอย่างเรา”
ความฝันอันสูงสุดของปู ไม่ใช่ให้เมืองจันทบุรีปลอดภัยจากสารเคมีเท่านั้น แต่คือการทำให้ประเทศไทยปลอดภัยจากสารเคมี เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินของเราไม่ให้เป็นแผ่นดินที่อาบยาพิษอย่างเดียว
เปิด “บ้านฟากนา ฟาร์มสเตย์” ของอดีตเซลล์หันหลังให้ชีวิตกรุงเทพฯสู่กสิกรรมธรรมชาติบนความพอเพียง
สูตรสำรับอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่นบน “ภูหลวง” ด้วยฝีมือระดับเชฟโจ้สร้างมูลค่าพืชผลเพื่อชาวบ้าน