น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการแบนสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส โดย มติจาก 4 ฝ่าย ทั้ง ฝ่ายรัฐบาล ผู้นำเข้า ภาคเกษตรกร และกลุ่มผู้บริโภคมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกระดับ 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช จากประเภทที่ 3 มาเป็นประเภทที่ 4 คือ ห้ามผลิตนำเข้า ส่งออก หรือ มีไว้ครอบครอง ตั้งแต่ 1ธ.ค.นี้
สสจ.เลยพบผู้ป่วย “เนื้อเน่า”สูงเป็นอันดับ 1 ติดต่อ 3 ปีซ้อน
ล่าสุดมติดังกล่าวได้ส่งให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และส่งหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อไปในวันที่17 ต.ค. ส่วนการเข้าไปลงมติในคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 22 ต.ค.นี้ตัวแทนกระทรวงเกษตรมั่นใจทำตามมติเดิม
ส่วนมติของผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการวัตถุอันตรายมองว่า ควรเป็นแบบเปิดเผย และฟังเสียงส่วนมาก ซึ่งคาดว่ามติในที่ประชุมจะไปในทิศทางเดียวกัน แต่หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็อาจเป็นการล็อบบี้ หรือมีฝ่ายใดได้ประโยชน์ พร้อมเผยว่าก่อนหน้านี้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีช่วยพร้อมส่งคนมาชูป้ายแอนตี้ ซึ่งมองว่าการกระทำลักษณะนี้ไม่มีผลดี อยากให้หยุดทำ
ส่วนประเด็นที่คนสงสัยว่า หลังมีมติแบนสารเคมีแล้วจะนำสารชนิดใดมาทดแทน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มองว่า เกษตรอินทรีย์ตามวิถีของชาวไทยที่มีดั้งเดิมดีอยู่แล้ว ซึ่งการแบน 3 สารเคมีนี้ ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี ผู้ที่นำเข้าก็เริ่มปรับตัวนำเข้าน้อยลง และหากมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย วันที่ 22 ต.ค. นี้ พิจารณาให้สารเคมีทั้ง 3 ตัวนี้ เป็นบัญชีที่ 4 ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสารอัตรายป้องกันการลักลอบนำเข้ามาแบบผิดกฎหมาย
“มนัญญา” รับมีฝ่ายต้านไม่เลิกใช้ 3 สารเคมี การเกษตร
“มนัญญา” บุก ทวงเอกสารสต๊อกสารพิษภาคเกษตร
"เสี่ยหนู" ท้า “โหวตเปิดเผย" แบน 3 สารเคมีเกษตร