เตือน! พ.ย. นี้  ฝุ่น PM 2.5 มาแน่ กระทบหมดไม่เว้น กทม.


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มช. ชี้เดือน พ.ย. ถึง เม.ย. 63 ทุกภาคของไทย ยกเว้นภาคใต้เจอปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 แน่นอน  เหตุความกดอากาศสูง ทำให้ฝุ่นควันไม่ลอยกระจาย

ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในงานเสวนา "โรคหืด ว่า ด้วยมิติใหม่การรักษาและรับมือฝุ่นพิษปลายปี" ในงานประชุมวิชาการประจำปีสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย ว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่า วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แม้ขณะนี้หลายคนจะยังสัมผัสอากาศหนาวเย็นไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ต้องเริ่มระมัดระวังสุขภาพร่างกายตนเองจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เพราะความกดอากาศสูงจะทำให้ฝุ่นควันไม่ลอยกระจายออกไป ฝุ่นจึงสะสมอย่างหนาแน่น โดยปัญหาฝุ่นพิษช่วงปลายปี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเมษายน 2563  ซึ่งจะเกิดปัญหาฝุ่นสะสมในทุกภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ยกเว้นเพียงภาคใต้

นักวิชาการแนะรัฐหาค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 ให้เหมาะสมกับไทย

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการเผาซากทางการเกษตร การเผาในที่โล่งต่างๆ และไม่ใช่แค่เพียงแต่ภายในประเทศที่มีการเผา ยังมีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้านอีก ทั้งจากพม่า หรืออย่าง พ.ย.นี้ทางกัมพูชาก็จะมีการเผา ดังนั้น โซนทางตะวันออกของ กทม.ได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะทิศทางลมก็จะพัดเอาฝุ่นเหล่านี้เข้ามา” ศ.นพ.ชายชาญ กล่าว

เตือนชาวกรุง 20 พื้นที่ “ฝุ่น PM 2.5” เกินมาตรฐาน กระทบสุขภาพ

ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการก่อสร้างรถไฟฟ้าต่างๆ รวมไปถึงการจราจรติดขัดทำให้เกิดเผาไหม้และปล่อยควันไอเสียมากขึ้น จนเกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 สะสม โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.นั้น ตนมองว่าฝุ่นจากสาเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดปีอยู่แล้ว แต่จะมีผลขึ้นมาเมื่ออากาศปิด แต่ที่ทำให้เกิดผลกระทบจริงๆ น่าจะมาจากการเผาในที่โล่งในพื้นที่ต่างๆ มากกว่า เพราะพบว่า ดัชนีการจราจรไม่ได้สัมพันธ์กับฝุ่นที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง ช่วงตอนกลางคืนที่รถไม่ได้ติดแล้ว ปริมาณรถก็ไม่ได้มาก แต่กลับมีฝุ่นเพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบมาจากการเผามากกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาของฝุ่น PM 2.5 จะมีผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยอาจทำให้คนที่ไม่เคยป่วยมาก่อน ป่วยขึ้นมาได้ โดยเฉพาะโรคหอบหืด ส่วนคนที่ป่วยอยู่แล้วมีอาการรุงแรงขึ้น ควบคุมอาการของโรคได้น้อยลง จนส่งผลระทบต่อกิจวัตรประจำวัน ไม่สามารถออกไปเรียนไปทำงานได้ ต้องใช้ยาช่วยบรรเทาอาการถี่ขึ้น หรืออาจต้องมานอนห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลมากขึ้น

"มีผลการศึกษาว่าฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก 10% จะทำให้ผู้ป่วยหอบหืดมาห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น 3% ดังนั้น หากฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นมาเป็น 100% ก็จะมีผู้ป่วยมามากถึง 30% จึงไม่แปลกที่ช่วงฝุ่นพิษปลายปีจะมีผู้ป่วยเข้ามาโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในระยะยาวยังทำให้อายุขัยสั้นลง เกิดมะเร็งปอดง่ายขึ้นเป็นโรคความดัน เบาหวาน โรคไต โรคหัวใจขาดเลือดได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้น ในช่วงปลายปีที่มีปัญหาฝุ่น ประชาชนและผู้ป่วยควรจะต้องติดตามดัชนีคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง หากเริ่มมีผลกระทบก็ควรป้องกันด้วยการใส่หน้ากากป้องกัน N95 หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศ เพราะในบ้านและนอกบ้านค่าฝุ่นไม่ได้ต่างกัน" ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่ กทม.มีการติดตั้งหอฟอกอากาศที่หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ มองว่าสามารถช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นได้ประมาณ 10-15% ขึ้นกับว่าเป็นที่อับชุมชนเยอะหรือไม่ หากเป็นพื้นที่อับก็อาจจะได้ผลมาก อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมีการใช้หลายตัวจึงจะช่วยลดปริมาณฝุ่นลงมาได้

ปชช.จี้หน่วยงานรัฐ เร่งเตือนปัญหาฝุ่น บางส่วนยังเข้าใจว่า “หมอก”

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ