ก่อนเข้ารับการไต่สวนพยาน วันนี้ 18 ต.ค. 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในคดีนี้ ที่ กกต. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ว่าต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ เพราะถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วีลัก มีเดีย ซึ่งขัดต่อคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง "ธนาธร" หยุดปฏิบัติหน้าที่
นายธนาธร บอกว่า มั่นใจในพยานทั้ง 10 ปาก และข้อเท็จจริงที่ปรากฎในสำนวนชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ และข้อกล่าวหาของ กกต.ไม่มีน้ำหนักมาหักล้างคำชี้แจงของฝ่ายตัวเองได้ ซึ่งก่อนการไต่สวน ศาลชี้แจงว่าเพื่อฟังว่าข้อเท็จจริงที่นายธนาธรอ้างว่าโอนหุ้นให้มารดา ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ฟังขึ้นหรือไม่
สำหรับพยานทั้ง 10 ปาก ที่เข้ารับการไต่สวนวันนี้ ประกอบด้วย นายธนาธร และคนใกล้ชิดอื่นๆ นายธนาธร อ้างว่า วันที่ 8 ม.ค.หาเสียงอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ ช่วงเช้า ก่อนที่ประมาณ 11.00 น.จะโดยสารรถยนต์โดยมีคนขับรถคือนายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ พากลับ กทม.เพื่อโอนหุ้นให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นมารดา ในช่วงเย็น
พยานที่รู้เห็นนอกจากนางสมพร ยังมีอีก 4 คน คือ นายณัฐนนท์ อภินันท์ ทนายความที่ทำเอกสาร นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร ซึ่งวันนั้นก็ขายหุ้นให้กับนางสมพรด้วยเช่นกัน ส่วนอีก 2 คน ที่ลงนามในเอกสารตราสารหุ้น คือ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม พนักงานบัญชี และ น.ส.กานต์ฐิตา อ่วมขำ เจ้าหน้าที่การเงิน
หลังจากนั้น นางสมพรได้โอนหุ้นต่อให้กับ หลานชาย 2 คน คือนายปิติ และนายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ โดยมีนายพิพัฒพงศ์ รุจิตานนท์ ทนายความเป็นผู้ทำเอกสาร
การไต่สวนวันนี้ นายธนาธร เป็นพยานปากแรก ถูกศาลไต่สวนนานสุดประมาณ 2 ชั่วโมงตลอดการซักถามนอกจากการยืนยันว่าเดินทางออกจากบุรีรัมย์โดยรถยนต์ในช่วงเช้าเพื่อมาเซ็นโอนหุ้นในช่วงเย็น และตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นในการบริหารงานในบริษัทวีลักตั้งแต่ต้น มีหลายคำถามที่นายธนาธรมักตอบว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ จำไม่ได้ เช่น
ศาลถามว่า ตามหนังสือบริคณห์สนธิที่ระบุวัตถุประสงค์ประกอบกิจการสื่อ ต้องไปจดแจ้งตาม พ.ร.บ. การพิมพ์ใช่หรือไม่นายธนาธร ตอบว่า ไม่ทราบในหลักการ และตัวเองไม่ได้บริหารบริษัทตั้งแต่แรก
ศาลถามว่าก่อนจะโอนหุ้นวันที่ 8 ม.ค.อยู่ที่ไหน? และนัดโอนหุ้นล่วงหน้าเมื่อไหร่? ถ้าตรงกับวันหาเสียงทำไม ไม่เลื่อน นายธนาธรบอกว่า จำไม่ได้ เพราะวันหนึ่งทำงานหลายที่ และช่วงเล่นการเมือง ต้องลาออกจากหลายตำแหน่งด้วย
ศาลถามว่า ระหว่างเดินทางจากบุรีรัมย์ ได้โทรศัพท์ติดต่อใครหรือไม่? นายธนาธรตอบว่าจำไม่ได้ เพราะพักผ่อนมาตลอดทาง
และคำถามศาลที่เรียกเสียงฮืฮาจากคนมาให้กำลังใจ คือเมื่อซื้อขายหุ้นวันที่ 8 ม.ค.ทำไมนำไปขึ้นเงิน ห่างจากวันโอนนานถึง 5 เดือน นายธนาธร ตอบว่า ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน พร้อมอธิบายว่า ปกติเรื่องเงินให้ภรรยาจัดการ ไม่ทราบเช่นกันว่า ทำไมเพิ่งนำไปเข้าธนาคาร
ภรรยาธนาธรยันเช็คแม่สามีไว้ใจได้ ขึ้นเงินช้าเพราะต้องแจงกกต.
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเพิ่งนำเช็คไปขึ้นเงินห่างกันถึง 5 เดือน นางรวิพรรณ ภรรยานายธนาธร ที่ยืนยันว่า ตอนนั้นเป็นแม่ลูกอ่อน ไม่สะดวกนำเช็คไปขึ้นเงิน ประกอบกับเช็คสั่งจ่ายโดยแม่นายธนาธรเอง จึงเป็นเช็คที่เชื่อถือได้ และตอนหลังเช็คใบดังกล่าวต้องเอาไปชี้แจงกับ กกต. จึงเพิ่งนำไปขึ้นเงิน
"ธนาธร"ลั่นไม่หาผลประโยชน์ บริวารห้อมล้อมเหมือน"ทักษิณ"
ช่วงสุดท้ายการไต่สวน นายธนาธร ได้พาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตั้งใจอย่างจริงจัง ที่จะมาทำงานการเมือง จึงพยายามทำตัวเองให้ขาวสะอาด เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีอย่างที่นายทักษิณเคยถูก และหากศาลตัดสินเป็นคุณ ก็จะเอาทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์ให้หมด ตามที่สัญญากับประชาชนไว้ เพราะตัวเองไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหาผลประโยชน์ หรือมีบริวารห้อมล้อมเหมือนนายทักษิณ
“ธนาธร” ขออภัยพาดพิง “ทักษิณ” ระหว่างไต่สวนคดีหุ้นสื่อ
“หมวดเจี๊ยบ” ควันออกหูไม่พอใจ “ธนาธร” พาดพิงทักษิณ
ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเพิ่งนำเช็คไปขึ้นเงินห่างกันถึง 5 เดือน นางรวิพรรณ ภรรยานายธนาธร ที่ยืนยันว่า ตอนนั้นเป็นแม่ลูกอ่อน ไม่สะดวกนำเช็คไปขึ้นเงิน ประกอบกับเช็คสั่งจ่ายโดยแม่นายธนาธรเอง จึงเป็นเช็คที่เชื่อถือได้ และตอนหลังเช็คใบดังกล่าวต้องเอาไปชี้แจงกับ กกต. จึงเพิ่งนำไปขึ้นเงิน
การไต่สวนพยานทั้ง 10 ปากวันนี้ ใช้เวลานานถึง 7 ชั่วโมง เป็นไปอย่างเข้มงวด โดยศาลกำหนดว่าคนที่ยังไม่ได้รับการไต่สวนต้องรอด้านนอก ห้ามมาฟังหรือส่งซิกกัน โดยหลังจากจบการไต่สวน ศาลได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย.นี้ และให้เวลายื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีภายใน 15 วัน ถ้าไม่ยื่นให้ถือว่าไม่ติดใจในคำแถลงการณ์