หลังจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายจำนวน 26 คน มีมติยกเลิกการใช้สารเคมีภาคการเกษตร 3 ชนิด คือ 1.พาราควอต โดยลงมติแบน 21 เสียง จำกัดการใช้ 5 เสียง 2.คลอร์ไพรีฟอส ลงมติแบน 22 เสียง จำกัดการใช้ 4 เสียง และ 3.ไกลโฟเซต ลงมติแบน 19 เสียง จำกัดการใช้ 7 เสียงนั้น กระทั่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาประกาศว่า ประเทศไทยเรายังมีข้าราชการ นักวิชาการที่มีคุณธรรม มีสำนึกต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการที่ลงมติ ส่วนกลุ่มไม่อยากให้ยกเลิก จะฟ้องร้องกับศาลปกครอง นายอนุทินกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่ทำได้
กก.วัตถุอันตรายลงคะแนนสรุปแบน “3 สารเคมีเกษตร”
ขณะที่แนวทางการคุ้มครองเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสารพิษครั้งนี้ จะอนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวได้ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ส่วนเรื่องการเยียวยาในการหาสารทดแทน ตนมั่นใจว่า หลังจากนี้จะมีสารตัวใหม่มาให้พิจารณา และสารที่เป็นอันตรายก็ต้องถูกยกเลิกไป
วันที่ 22 ต.ค. 2562 นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) กล่าวว่า ตนและเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารเคมีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กร รู้สึกพอใจมากสำหรับมติที่ออกมาว่าแบนสารเคมีอันตรายและเห็นได้ชัดว่ากรรมการวัตถุอันตรายที่มาจากกระทรวงต่างๆมีการลงมติขาดลอย แม้แต่ในบางสาร เช่น ไกลโฟเซต ที่เป็นข้อโต้แย้ง จึงถือว่าเป็นการลงมติเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและเกษตรกรอย่างแท้จริง
“อนุทิน” ลั่น ไม่เห็นด้วยแบนสารเคมีเกษตร เชิญฟ้องศาลปกครอง
“ต้องขอบคุณ 3 เรื่อง คือ 1.ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมกันเคลื่อนไหวกดดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง 2-3 ปี 2.ขอบคุณรัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ ที่พร้อมเพียงกันโหวต ต่อให้ไม่เปิดเผยก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมาจากหน่วยงานของรัฐและกระทรวงที่ได้สัญญากับประชาชนว่าจะแบนก็ทำตามคำสัญญา และ3.ขอบคุณพรรคการเมืองในสภา ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ที่ได้ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้เพราะทั้งสภามีมติร่วมกันตั้งกรรมาธิการขึ้นมาจึงสะท้อนให้เห็นว่าพรรคการเมืองรู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชนจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้” นายวิฑูรย์ กล่าว
ผอ.มูลนิธิชีววิถี กล่าวต่อว่า ท้ายที่สุดแล้วต้องตระหนักร่วมกันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นประโยชน์กับเกษตรกรและผู้บริโภค แต่ก็ต้องตระหนักว่าเกษตรกร คือ ผู้ที่จะต้องรับภาระในการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะเกษตรกรที่แสดงความจำนงว่าจะใช้สาร 3 ชนิดนี้ เราจึงอยากเรียกร้องว่าหากมีต้นทุนจากการปรับเปลี่ยนนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะต้องช่วยกันสนับสนุนแบ่งเบาภาระเพื่อไม่ให้เกษตรกรต้องรับภาระจากการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ สำหรับเรื่องสารทดแทนเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯที่จะต้องดำเนินการ แต่ความเห็น คือ ไม่น่ามุ่งเป้าไปที่การใช้สารทดแทน แต่ควรหาวิธีการทดแทน คือ 1.ใช้เครื่องมือกลและเครื่องจักรกลทางการเกษตร 2.เรื่องการปลูกพืชคลุมดิน และ3.การจัดระบบการปลูกพืชแบบผสมผสาน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่นั้น จะมีหน้าที่ดูแลเรื่องวิธีการจัดการให้คำแนะนำ หาสารทางเลือกทดแทน เป็นต้น แต่หน้าที่ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ก็ไม่มีผลกับมติการแบนหรือการโหวตในครั้งนี้แล้ว
