เมื่อวันที่ (29 ต.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์จำลองการเคลื่อนย้ายบุคคลสำคัญออกจากพื้นที่ที่ถูกคามด้วยภัยก่อการร้าย โดยหน่วยรักษาความปลอดภัยใช้เฮลิคอปเตอร์ โรยตัวชุดอารักขาพิเศษลงมาดูแลและนำตัวบุคคลำสำคัญออกจากพื้นที่ประชุมหรือพื้นที่อันตราย โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ที่มีทั้งตำรวจและตำรวจ คอยดูแลความปลอดภัยด้านล่าง และเคลื่อนย้ายไปสถานที่ปลอดภัยที่จัดเตรียมไว้
ประชุมสุดยอดอาเซียน หนุน เมียร์มาร์–บังคลาเทศ แก้ปัญหา “รัฐยะไข่”
สถานการณ์แย่! นายจ้างแบกรับไม่ไหว หยุดกิจการชั่วคราว หลายแห่งปิดถาวร ลูกจ้างตกงาน
โดยแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยผู้นำในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ แบ่ง เป็น 4 ระดับ คือภาวะปกติ ใช้ตำรวจสันติบาลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญเป็นหลัก และระดับที่สอง เริ่มมีสิ่งบอกเหตุถึงภัยคุกคาม การปฏิบัติจะเริ่มมีการขอกำลังเสริม โดยกำลังหลักเป็นสันติบาล และกำลังเสริมเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจนครบาลคือ "อรินทราช 26" ระดับที่3 กรณีพบรถต้องสงสัย จะมีรถบล็อก และคุมตัวผู้ต้องสงสัยออกนอกพื้นที่ ประสานหน่วยจตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิดและระดับสุดท้ายคือมีภัยก่อการร้าย การรักษาความปลอดภัยในชั้นนี้ จะมีทั้งทหารและตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติการ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความมั่นใจว่า จะดูแลความปลอดภัยการประชุมสุดยอดอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้ผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุมเห็นศักยภาพในการจัดงานประชุมระดับนานาชาติของไทย พร้อมแนะนำให้หน่วยปฏิบัติเรียนรู้พัฒนาและขอให้หมั่นฝึกซ้อมให้ดี เพราะเป็นภารกิจสำคัญ ที่ไทยเคยสูญเสียมาแล้ว
ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการข่าว ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะทำบัญชีกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวในอดีตไว้หมดแล้ว และการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ ใช้กำลังรวมกว่า 17,000 นาย ในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการประชุม