ฉี่ใคร! หนุ่มพัทลุงจ่อฟ้องกลับ ปกป้องศักดิ์ศรีหลังผลตรวจสีม่วง แต่ไม่เคยเสพยา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อาจารย์พิเศษพัทลุง เตรียมฟ้องกลับถูกกล่าวหาฉี่ม่วง พบสารเสพติด  ทั้งที่ไม่ใช่ของตน เผยรายงานผลตรวจปัสสาวะรพ.รามา ไม่พบสารเสพติด ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

กรณีตำรวจสุราษฎร์ฯตั้งด่านเรียกตรวจฉี่ และได้ตรวจพบนักธุรกิจหนุ่มพัทลุง จนพบว่าปัสสาวะเป็นฉี่ม่วง ทั้งที่เจ้าตัวยืนยันไม่ได้เสพ และได้ขอตรวจใหม่ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่พบฉี่ม่วง จึงเตรียมร้องผู้การจังหวัด เรื่องวินัยชุดจับกุม ร้อง สตช. และเตรียมฟ้องกลับทั้งคดีแพ่งและอาญา

ตำรวจ บุกตรวจปัสสาวะพระวัดดังนครศรีฯ พบฉี่ม่วงครึ่งวัด

ความคืบหน้า วันที่ 30 ต.ค. 2562 นายสมชัย หนูนวล อายุ 38 ปี อยู่บ้านนเลขที่ 127 หมู่ที 1 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง นักธุรกิจขายส่งกล้วยหอมให้กับบริษัท และยังเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา และผู้รับเหมาไฟฟ้า  พร้อมกับว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ นำหลักฐานผลตรวจเลือดจาก รพ.รามา ให้ผู้สื่อข่าวดู เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าในร่างกายไม่มีสารเสพติดใดๆ เพื่อสะท้อนถึงกรณีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจป้อมบึงขุนทะเล ที่ตั้งด่านแล้วเรียกตรวจปัสสาวะ ปรากฎว่าผลออกมาเป็นสีม่วงทั้งที่ไม่ได้เสพยาเสพติดแต่อย่างใด และจากการส่งปัสสาวะตรวจอย่างละเอียดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) ผลออกมาก็ไม่มีสารเสพติด วอนขอความเป็นธรรม และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และเตรียมฟ้องกลับ

 นายสมชัย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบอนท์ ทะเบียน ผต 2565 สงขลา กลับจากส่งกล้วยหอมให้กับลูกค้า ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และขณะขับรถเพื่อจะเดินทางกลับจังหวัดพัทลุง เมื่อมาถึงจุดตรวจบริเวณถนนเลี่ยงเมือง หมู่ที่ 3 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสุราษฎร์ธานีตั้งด่านจุดตรวจ และเมื่อขับเข้าด่านเจ้าหน้าที่ได้ให้ตนเองลงไปตรวจปัสสาวะ ก็ได้ให้ความร่วมมือได้นำปัสสาวะใส่แก้ว และเมื่อนำไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ได้ให้ไปนั่งรอและนำปัสสาวะไปตรวจโดยที่ตนเองไม่เห็นขั้นตอนการตรวจ ขณะที่ตัวเองกำลังเดินไปนั่ง และเจ้าหน้าที่ได้เดินถือแก้วปัสสาวะไปพร้อมตระโกนบอกว่า ”คืนนี้ไม่ได้กลับบ้านแน่ ต้องนอนโรงพัก”

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มาควบคุมตัวไปพร้อมกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวอีกสองคน ไปที่ป้อมบึงขุนทะเลเพื่อไปทำบันทึกจับกุม แต่ผู้ที่ควบคุมตัวอีกสองคนที่มาด้วยนั่งด้านนอก ส่วนตนเองเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวอยู่ภายในป้อม และเจ้าหน้าที่ได้นำบันทึกจับกุมมาให้ตนเองเซ็นรับสารภาพ แต่ตนเองไม่ยอมเซ็น แต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้บอกว่า “ให้เซ็นไปก่อน เดี๋ยวเรื่องไม่จบ”จึงได้จำใจเซ็นเพราะความกลัวและเป็นห่วงความปลอดภัยตัวเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ผลตรวจออกมาก็พบว่า มีสารเสพติดมากกว่า 1 พันนาโนกรัมต่อมิลลิกรัม ตนเองจึงได้ขอตรวจใหม่อีกครั้งที่โรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม ก่อนควบคุมตัวเข้าห้องขัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จึงได้ประสานญาติให้มาช่วยประกันตัว ในวงเงินประกันตัว 5 หมื่นบาท 

หลังได้ประกันตัว พ.ต.ท.มนต์ชัย แมนเมือง สารวัตร(สอบสวน)ได้ทำการสอบปากคำ แต่ตนเองได้ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ถามว่าไม่เชื่อผลทางวิทยาศาสตร์เหรอ ตนก็ตอบว่าเชื่อ แต่ไม่เชื่อว่าเป็นฉี่ของตน และได้ขอให้พนักงานสอบสวนตรวจปัสสาวะใหม่อีกครั้ง พนักงานสอบสวนจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมมาร่วมตรวจปัสสาวะใหม่ ต่อหน้าอีกครั้ง ปรากฎผลเบื้องต้น ไม่เจอสารเสพติดแต่อย่างใด จึงเกิดความขัดแย้งกับผลของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และได้นำปัสสาวะที่ตรวจใหม่ส่งตรวจ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) อย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนให้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดพัทลุง  ซึ่งกว่าจะได้กลับออกจาก สภ.เมือง ใช้ระยะเวลาตั้งแต่ด่านตรวจจนออกจาก สภ.เมือง นานกว่า 5 ชั่วโมง 

เมื่อกลับถึงบ้านได้ตรวจเลือดของตัวเองอีกครั้ง ในวันที่ 8 ต.ค.62 ที่ห้องเล็บเทคนิคการแพทย์พัทลุง และส่งตรวจอย่างละเอียดที่ รพ.รามธิบดี ในวันที่ 9 ต.ค. เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เสพนาเสพติด ซึ่งในวันนี้ผลออกมาก็ไม่พบยาเสพติดในเลือดแต่อย่างใด และในวันนี้ได้เดินทางไปยังสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.มนต์ชัย แมนเมือง สารวัตร(สอบสวน)เจ้าของคดีเพื่อขอทราบผลตรวจปัสสาวะที่ได้ส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) ปรากฎว่าผลรับรองการตรวจ ก็ไม่พบว่ามีสารเสพติด และอยู่ในช่วงดำเนินการนำสำนวนให้หัวหน้าพนักงานสวบสวน หรือส่งให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

ทั้งนี้ ตนเองยืนยันว่าไม่เคยเสพยาเสพติด และจะดำเนินการฟ้องร้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะตนเองทำธุระกิจหลายอย่างแต่กลับต้องมาถูกกลั่นแกล้งจากทางเจ้าหน้าที่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

ด้านว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ ที่เคยทำคดี นายอารีด หมัดอาดั้ม ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาอิสลาม ถูกยัดข้อหาเสพยาเสพติด เมื่อปี 2561 กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อสงสัย คือ น้ำที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ดื่ม ขั้นตอนการควบคุมตัว และการตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับคดีของนายอารีด โรงพยาบาลไม่น่าจะสามารถยืนยันผลอย่างละเอียดได้ เพราะหากเป็นการตรวจเบื้องต้น ผลต้องระบุว่าอาจมีสารเสพติด โดยต้องสอบถามทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ฯอีกครั้ง ซึ่งหากเป็นการตรวจเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมตัวเข้าห้องขังได้ และในวันนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปล่อยตัวและทำบันทึกระบุที่อยู่เพื่อออกหมายเรียก หากผลยืนยันอย่างละเอียดว่ามีสารเสพติด ซึ่งหลังจากนี้ต้องติดตามผลจากพนักงานสอบสวน ในการส่งสำนวนให้อัยการเพื่อดำเนินการไม่ฟ้อง และส่งสำนวนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเซ็น ผู้ถูกกล่าวหาถึงจะพ้นมลทิน และเป็นผู้บริสุทธิ์จากนั้นถึงจะดำเนินการฟ้องร้องทั้งอาญาและแพ่ง โดยจะฟ้องแพ่งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฟ้องอาญาทุจริตกับทางเจ้าหน้าที่ชุดที่จับกุมต่อไป

ทาง  พลตำรวจตรีฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับทราบเรื่องเบื้องต้นแล้ว พร้อมสั่งการ ให้ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีรายงานเรื่องดังกล่าวมายังตนเอง และสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว

ปิดประตูตีแมว!! ปิดห้องประชุมตรวจฉี่กำนันผู้ใหญ่บ้าน พบฉี่ม่วงสองราย

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ