วันที่ 31 ต.ค.2562 นพ. สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า จากรายงานกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงนี้ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. - 2 พ.ย. 2562 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “แมตโม” ทำให้ในหลายพื้นที่ของประเทศ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ระมัดระวังอุบัติเหตุจากฝนตกหนัก และหากมีความจำเป็นต้องขับขี่ยานพาหนะ ควรเพิ่มความระมัดระวังให้มาก เนื่องจากฝนที่ตกทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ถนนเปียกลื่น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
พายุ “แมตโม” ขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ - อุตุฯเตือน 17 จังหวัด รับมือฝนตกหนัก
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัย ดังนี้ 1.เปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นได้จากระยะไกล 2.เปิดใบปัดน้ำฝน และควรปรับระดับความเร็วใบปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 3.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางโค้ง เพราะมีน้ำขัง และอาจทำให้รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ และต้องปฏิบัติตามป้ายจำกัดความเร็วอย่างเคร่งครัด 4.ให้ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเพิ่มขึ้น เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น
5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็น ต้องประเมินสถานการณ์หรือกะระยะทางข้างหน้าให้ปลอดภัย 6.ไม่เหยียบเบรกทันที กรณีรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยๆเหยียบเบรก เพื่อหยุดรถ และ 7.ประเมินสถานการณ์เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
อุตุฯ เตือน พายุโซนร้อน "แมตโม" ฝนถล่มอีสาน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ในช่วงฝนตกหนักและมีลมพายุ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือพื้นที่โล่งแจ้ง ควรหลบในตัวอาคารที่มีความมั่นคง ไม่ควรใช้โทรศัพท์ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ในขณะที่ฟ้าร้องฟ้าผ่า นอกจากนี้ ควรระมัดระวังโรคที่อาจเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ เช่น โรคฉี่หนู โรคทางเดินหายใจ และโรคอุจจาระร่วง เป็นต้น หากพบเห็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร. 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้ประสบอุบัติเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
