ลุ้น! ปลูก “กัญชง”  บ้านละ 1 ไร่ มี.ค.63


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คณะกรรมการอาหารและยาประชาพิจารณ์ ร่างกฎหมายให้คนไทยปลูกกัญชง คาดกฎหมายเสร็จทัน มี.ค.63

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)  นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานในการประชุมะเพื่อรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ.....จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้อยู่ใต้บังคับกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครือข่ายภาคประชาชนที่สนใจ พร้อมกันนี้ยังได้เปิดรับฟังความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th และ www.lawamendment.go.th ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. - 5 พ.ย. 2562 ก่อนจะรวบรวมความเห็นทั้งหมดมาปรับแก้ในร่างกฎกระทรวงดังกล่าวและเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป

เปิดพื้นที่ทดลองปลูก “กัญชง” เตรียมผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจ

นพ.ไพศาล กล่าวตอนหนึ่งว่า ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้จะเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงฉบับเดิม และยกร่างขึ้นใหม่ครอบคลุมเรื่องการปลูก การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย และครอบครอง ส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยเปิดให้ทุกภาคส่วนสามารถขออนุญาตปลูกได้ ทั้งหน่วยงานรัฐ เกษตรกรไทย ประชาชนทั่วไปที่เป็นคนไทย นิติบุคคลที่เจ้าของเป็นคนไทย 2 ใน 3 ปลูกได้ในเชิงพาณิชย์ แต่ต้องได้รับอนุญาตในการปลูก และมีรายละเอียดชัดเจนว่าปลูกที่ไหน ส่งไปขายให้ใคร ใช้สายพันธุ์อะไร เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมการอนุญาตให้ครัวเรือนที่มีวัฒนธรรมในการใช้กัญชงเป็นสิ่งทอแบบดังเดิม ปลูกใช้ในครัวเรือนได้ โดยปลูกได้ครอบครัวละไม่เกิน 1 ไร่ แต่ต้องมีใบอนุญาตปลูก และปลูกสายพันธุ์ที่ได้รับการอนุญาต ส่งเสริมการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์ไทย ดังนั้น ในบทเฉพาะกาลจึงได้กำหนดว่า 5 ปีแรกจะสงวนให้เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่สามารถดำเนินการเกี่ยวกัญชงภายในประเทศได้ แต่ห้ามนำเข้ากัญชงจากต่างประเทศยกเว้นเมล็ดพันธุ์ พร้อมลดขั้นตอนการขอให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ในการคาดว่าการแก้ไขร่างกฎกระทรวงจะแล้วเสร็จและเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อลงนามได้ภายในพ.ย.นี้ และคาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.2563

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลังรังสิต กล่าวว่า ในปี 2563 องค์การสหประชาชาติ (UN) จะปลดสารซีบีดีออกจากยาเสพติด ซึ่งเป็นสารที่มีทั้งในกัญชงและกัญชาอยู่แล้ว ดังนั้นการกำหนดกรอบเวลา 5 ปี ให้ทำได้เฉพาะคนไทย ในเมืองไทย ห้ามนำเข้าอย่างอื่น นอกจากเมล็ดนั้นจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการพัฒนาสายพันธุ์ และการแข่งขันทางการค้า เพราะก้าวไม่ทันประเทศอื่น จึงอยากให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงอนุญาตให้นำเข้าสารซีบีดีจากประเทศอื่นเข้ามาได้ นอกจากนี้ กติกาที่กำหนดว่ากัญชงต้องมีทีเอชซีไม่เกิน 1% ถึงจะไม่เป็นยาเสพติดนั้น ตนมองว่าเข้มงวดเกินไป เพราะที่จริงแล้วทั้งกัญชาและกัญชงเป็นพืชที่มาจากสายพันธุ์เดียวกัน เมื่อปลูกแล้วเจอสภาพแวดล้อม น้ำ ไฟ เป็นตัวแปรที่ทำให้ได้สารทีเอชซีเกิน1% ได้ ก็กลายเป็นยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว ส่วนตัวจึงไม่อยากให้คุมเรื่องการปลูกมาก แต่ควรไปคุมเรื่องการผลิตปลายทางแทน และตนอยากเสนอให้มีการตั้ง  สถาบันพืชเศรษฐกิจแห่งประเทศไทย เพื่อดูแลพืชกัญชา กัญชง รวมถึงกระท่อมด้วย

ป.ป.ส.ติดตามผลพัฒนาสายพันธุ์กัญชงทางการแพทย์

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ