ไทยติดอันดับ 4 "ว่างงานน้อยที่สุดในโลก"
ก.แรงงาน ช่วยแรงงานถูกเลิกจ้างไร้ค่าชดเชย 333 คน
หลังจากกระทรวงแรงงานประกาศมีตำแหน่งงานว่างรองรับทั่วประเทศ จำนวน 79,247 อัตรา ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รับว่าการปิดกิจการเกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว อุตสาหกรรมต้องทำเพื่อให้อยู่รอดด้วยการปรับตัว ซึ่งจะดำเนินการ 3 มาตรการแรกก่อนคือ การลดเวลาทำงาน ลดโอที ต่อมาคือเลิกจ้างพนักงานรายวัน จนถึงการให้ลูกจ้างที่ยังไม่ผ่านช่วงทดลองงานออกก่อนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย จนเกิดคำถามว่า การมีตำแหน่งงานว่างกับการเลิกจ้างเพิ่มสวนทางกันหรือไม่
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2562 นายสุชาติ พรวิเศษชัยกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ไม่ต้องกังวล กรมจัดหางานมีจำแหน่งงานรองรับ เนื่องจากปกติสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเทพฯ จะมีการลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการเพื่อหาตำแหน่งงานว่างทั่วประเทศ รวมถึงหาตำแหน่งงานใหม่ๆ เข้ามาเสริมด้วย อย่างเช่นช่วงนี้ เป็นช่วงของการจบการศึกษา ก็จะมีการเสาะหาตำแหน่งที่ต้องการรับคนทำงานจบปริญญาตรี เข้ามาไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์ ที่เชื่อมต่อกันทั้งประเทศ ที่มีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลา
“ เมื่อมีการเลิกจ้างเกิดขึ้น แรงงานที่ถูกเลิกจ้างจะมารายงานตัวที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด ก็จะมีการตรวจสอบข้อมูลในระบบว่าแรงงานคนนี้อยากจะทำงานในตำแหน่งอะไร บริษัทอะไร เพื่อให้ตรงกับความรู้ความสามารถของแรงงานคนดังกล่าว เมื่อมีการบรรจุงานแล้วจะลบข้อมูลนั้นออก“ นายสุชาติกล่าว
อธิบดี กกจ. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ยังมีช่องทางอื่นๆ ที่จัดให้คนมีงานทำ อาทิ การเปิดโอกาสให้คนทำงานอิสระ เป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง หรือให้รับงานไปทำที่บ้านได้ ด้วยการเปิดกองทุนกู้ยืม โดยหากรวมเป็นกลุ่มกู้ได้ 1 ล้านบาท หากกู้เดี่ยวก็ 30,000 บาท ซึ่งหากใครสนใจสามารถติดต่อที่กกจ.จังหวัดเพื่อกู้ยืมได้ รวมทั้งมีการจัดตลาดนัดแรงงาน และช่องทางมีงานทำตลอด นอกจากนี้ยังมีการประสานการส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ โดยหากเป็นการจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐแรงงานจะเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพียง 1-2 หมื่นบาท ไม่ต้องเสียค่าดำเนินการอื่นๆ ดังนั้นสามารถติดตาม ตรวจสอบได้ในช่องทางสื่อสารของกรมจัดหางาร
เมื่อถามว่า ตำแหน่งงานที่ว่างอยู่เกือบ 8 หมื่นอัตรานั้น เป็นอาชีพที่สอดคล้องกับความสามารถหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า แม้ว่าความสามารถ และความถนัดของแรงงานอาจจะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่มีงานตามความสามารถรองรับนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะทุกวันนี้การเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าแรงงานจะไป ทางกกจ. ก็สามารถประสานไปยังสถานประกอบกิจการแปลายทางในเรื่องของที่อยู่ที่พักอาศัยในอัตราที่เป็นธรรมได้ หรือหากแรงงานนั้นไม่ประสงค์จะเคลื่อนย้าย ก็จะมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่จัดอบรมเพิ่มทักษะการทำงานด้านอื่นๆ ให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ายังน่าเป็นห่วงเพราะมีสถานประกอบกิจการปิดตัวรายวัน กกจ.มีแผนรับมือแรงงานที่ตกงานมากขึ้นอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ตอนนี้เราก็เฝ้าติดตามกันอยู่ อย่างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานการทำงานกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวันนี้ถ้าให้ประเมินยังคิดว่าอัตรางานที่ยังว่างอยู่นั้นน่าจะสูสีกับจำนวนแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง หากแรงงานไม่ยึดติด สามารถปรับตัวได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนตัวก็มองว่าแรงงานปรับได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กกจ. ได้มีการศึกษาและประเมินลักษณะของงานที่จะเป็นไปในอนาคต 2 ปี 3 ปี ว่าจะเป็นอย่างไรแล้วก็ไปให้คำแนะแนวกับผู้ที่ยังศึกษาอยู่ หรือกำลังจะจบการศึกษา เพื่อให้เลือกเรียนตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งจากนี้เราต้องทำอย่างเข้มข้นขึ้นอีก และจากการศึกษาพบว่าผู้จบการศึกษาใหม่สามารถมีงานทำได้ทั้งหมดภายใน 2-3 ปี