เมื่อวันที่ (15 พ.ย.62) กรณีเหตุยิงกันภายในศาลจังหวัดจันทบุรี มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ร.ต.อ.ขจร บรรจง ตำรวจประจำศาลจังหวัดจันทบุรี ถูกนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย แย่งปืนไปยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจ เสียชีวิตกลางห้องพิจารณาคดี หรือ เป็นผู้ส่งปืนไปให้ด้วยตัวเอง
ตร.ให้ประกันตัวเสมียนทนาย ยิงพล.ต.ต. เชื่อไม่มีพฤติกรรมหลบหนี
เปิดวงจรปิดศาลจันทบุรี ตร.ส่งปืนให้เสมียนทนายยิงพล.ต.ต.
ทั้งนี้ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นนี้แล้ว คาดว่าไม่นานจะทราบผล แต่เบื้องต้น ร.ต.อ.ขจร ให้การประกอบสำนวนชันสูตรศพในลักษณะให้การเชิงปฏิเสธว่า ในวันเกิดเหตุทราบว่ามีเหตุการณ์ยิงกันในศาลเกิดขึ้น จึงไปนำอาวุธปืนพกประจำกายเข้ามาในบริเวณศาล ก่อนจะถูกนานธนากร ผู้ต้องหาแย่งปืนไปก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งกระบวนการตรวจสอบจะดำเนินการคู่ขนานไปกับสำนวนคดีการเสียชีวิตของอดีตรองจเรตำรวจ
โดยส่วนกรณีพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กับนายธนากร หนักเกินจริงหรือไม่ เรื่องนี้เป็นการตั้งข้อหาตามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับการทำสำนวนของตำรวจเป็นระบบกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ ถ้าเห็นว่าเป็นข้อหาที่หนักเกินจริง
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนยิงกลางศาล 3 เหตุการณ์ ทั้งผู้พิพากษายิงตัวที่ศาลจังหวัดยะลา นักโทษใช้ปืนแหกห้องควบคุมศาลจังหวัดพัทยา และล่าสุดคดียิงกลางศาลจังหวัดจันทบุรี ทางศาลยังไม่ได้ประสานขอกำลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปดูแลความปลอดภัยบริเวณศาลเป็นพิเศษ เนื่องจากในส่วนบริเวณศาลมีกฎหมายบังคับใช้ชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถพกพาอาวุธปืนเข้าไปได้
อดีตจเรตำรวจ ยิงคู่กรณีในศาล ปมที่ดินกว่า 300 ล้าน
ด้าน พ.ต.อ.คมน์ศรน์ มาบำรุง ผู้กำกับการ สภ.เมืองจันทบุรี เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการสอบสวน ร.ต.อ.ขจร บรรจง รองสารวัตรฝ่ายป้องกันและปราบปราม ปฏิบัติงานตำรวจศาล ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ยิงกันในห้องพิจารณาคดี และเป็นเจ้าของอาวุธปืนที่เสมียนทนาย นำไปใช้ยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ เสียชีวิต โดยส่วนตัวของ ร.ต.อ.ขจร หลังเกิดเหตุทางผู้บังคับบัญชาได้เรียกตัวเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ไว้แล้วเบื้องต้นพบว่า ร.ต.อ.ขจร อยู่ในอาการเครียดและอิดโรย ซึ่งเป็นผลจากโรคประจำตัว ประกอบกับเพิ่งเจอภาวะสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในศาลระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ และไม่พร้อมให้การต่อเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นจึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวไปพักผ่อนเพื่อให้มีการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ พร้อมจัดกำลังเฝ้าดูแลตลอด โดยในเร็ววันนี้จะนำตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งในส่วนของคดี และเรื่องวินัย