หลังจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติ ขยายเวลายกเลิกพาราควอต-คลอร์ไพริฟอสไปอีก 6 เดือน ส่วนไกลโฟเซตให้จำกัดการใช้ ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ออกมายอมรับมติดังกล่าวนั้น
‘อนุทิน’ ยอมรับมติ ‘ยกเลิกแบนสารเคมีเกษตร’ 1 ธ.ค. เผยผิดหวัง แต่มาสุดซอยแล้ว
ความคืบหน้าทางด้านฝ่ายสนับสนุนให้ยกเลิกการแบนสารเคมี และไม่เห็นด้วยกับมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งนี้ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ถึงท่านอนุทิน จะยอมรับมติก็จริง แต่ประชาชนไม่ยอมรับ แต่การขับเคลื่อนให้ประชาชนรับทราบอันตรายตรงนี้ก็ต้องทำต่อ และต้องให้ประชาชนเรียกร้องสิทธิชีวิตตัวเอง รวมทั้งเวลาจะซื้อพืชผักผลไม้ ต้องให้ถามคนขายว่า มีการใช้สารเคมีหรือไม่ และหากไม่แน่ใจว่าคนขายโกหกหรือไม่ ตอนนี้เรากำลังพัฒนาชุดตรวจหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ให้มีราคาถูก และแม่นยำ รวดเร็วภายใน 10 นาที เพื่อให้ช่วยอีกที เรียกว่า ผู้บริโภคดูแลกันเอง โดยไม่ต้องพึ่งพารัฐบาลแล้ว เพราะพึ่งพาไม่ได้แล้ว
“หากท่านอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่ายอมรับมติจริง ในฐานที่ผมเป็นหมอที่รักษา และเชื่อว่าหมออีกหลายคนยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแบบนี้ประชาชนต้องมารับผลกระทบกันเอง” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
‘เครือข่าย 686 องค์กร’ ค้านเลื่อนแบน 3 สารเคมีเกษตรฯ
ขณะที่มูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย โพสต์เฟซบุ๊ก BIOTHAI ว่า เครือข่ายสนับสนุนการแบน 686 องค์กร ผิดหวังกับมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่อนุญาตให้มีการใช้ไกลโฟเซตต่อไป และยืดเวลาการบังคับใช้การแบนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสต่อไปอีก 6 เดือน โดยการตัดสินใจ ซึ่งมาจากการผลักดันและสนับสนุนโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นการตัดสินใจที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทสารพิษกำจัดศัตรูพืช โดยผลักภาระความเสี่ยงแก่ประชาชนทั้งประเทศทั้งเกษตรและผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอนุญาตให้ใช้สารไกลโฟเซต ซึ่งสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติระบุว่าเป็นสารน่าจะก่อมะเร็ง และศาลสหรัฐตัดสินให้บริษัทมอนซานโต้-ไบเออร์ต้องเยียวยาและชดใช้แก่เกษตรกรเป็นจำนวนเงินมหาศาล
การยืดเวลาการแบนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสต่อไป เป็นการเอื้อเฟื้อบริษัทสารพิษให้ไม่ต้องรับผิดชอบสต็อคสินค้าทั้งๆที่พวกเขานำเข้ามาเพื่อเก็งกำไรจำนวนมหาศาลก่อนหน้านี้ โดยปล่อยช่วงเวลาอีก 6 เดือนเพื่อจำหน่ายต่อเกษตรกรทั้งๆที่รู้ว่าเป็นสารที่มีผลต่อสุขภาพทั้งของเกษตรกร ผู้บริโภค และเด็กๆของเรา รัฐมนตรี และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจนี้ต้องเป็นผู้ชี้แจงเหตุผลการตัดสินใจนี้ และประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศที่สนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรงเป็นผู้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของพวกเขา
เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรงจะเดินหน้า ขับเคลื่อนให้มีการยกเลิกการใช้ไกลโฟเซต และสารพิษร้ายแรงอื่นๆ ต่อไป และจะแถลงมาตรการและแนวทางในการขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยเร็ว
“อนุทิน” พร้อม “มนัญญา” ร่วมขรก.-ภาคปชช.แสดงจุดยืนยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด