นักวิชาการ- ผู้บริหารสธ.เผยมติโหวตขยายใช้สารเคมีไม่เป็นเอกฉันท์!


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ปลัดสธ. แถลงจุดยืนค้านใช้สารเคมีเกษตร เผยประชุมบอร์ดวัตถุอันตราย ไม่มียกมือโหวตรายบุคคลให้ยกเลิกมติแบนสาร 3 ชนิด “พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส ไกลโฟเซต”

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รู้สึกผิดหวังมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ยกเลิกมติเดิมที่ให้แบนสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด โดยให้ขยายเวลาการใช้พาราควอต และคลอร์ไพรีฟอส ออกไปอีก 6 เดือนจากเดิมกำหนดวันที่ 1 ธ.ค.2562 ส่วนไกลโฟเซตไม่มีการยกเลิก ให้จำกัดการใช้ตามเดิม โดยนายอนุทิน ผิดหวังแต่ก็ยอมรับในมติ เพราะเป็นกฎกติกา ขณะที่เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการออกมาคัดค้านเรื่องนี้

หมอจุฬาฯ ลั่น “อนุทิน” ยอมรับ แต่ปชช.ไม่ยอมมติขยายเวลาใช้สารเคมีเกษตร

ล่าสุด ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ หนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตราย โพสต์ในเฟซบุ๊กขอลาออกจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย และขอแย้ง ว่าไม่ได้มีการลงมติอย่างชัดเจน ว่าผู้ใดเห็นด้วยหรือไม่ในแต่ละประเด็น แต่เป็นภาวะจำยอมในการรับมติ จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น มติเอกฉันท์  

ความคืบหน้าวันที่ 28 พ.ย.2562  นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าวจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขต่อสารเคมีอันตรายทางการเกษตร หลังจากที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาเปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ว่า มีมติเอกฉันท์ให้ยืดเวลาการแบนสารเคมี 2 ตัว คือ พาราควอต และคลอร์ไพรีฟอส ออกไปอีก 6 เดือน จากวันที่ 1 ธ.ค. 2562 เป็นวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ส่วนไกลโฟเซตยังไม่มีการแบน โดยให้จำกัดการใช้ตามเดิม

‘อนุทิน’ ยอมรับมติ ‘ยกเลิกแบนสารเคมีเกษตร’  1 ธ.ค. เผยผิดหวัง แต่มาสุดซอยแล้ว

ปลัดสธ. กล่าวว่า สธ.ยืนยันชัดเจนว่า สารเคมีทั้ง 3 ชนิดส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และจุดยืนเราคือ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2562 คือ แบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด เพราะจากการเชิญแพทย์ พยาบาล ละการทำเทเลคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและ รพ.ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา พบข้อมูลชัดเจนว่า มีผู้ป่วยได้รับอันตรายจากสารเคมีเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เช่น รพ.น่าน จากเดิมพบผู้ป่วยปีละ 45 ราย ตอนนี้พบเดือนละ 25 ราย มีการแพ้ เกิดแผล เนื้อตายต่างๆ ที่สำคัญคือ สารบางตัวอย่างพาราควอต แค่สัมผัสเท่านั้น ไม่ต้องกินหรือเอาไปใช้ฆ่าตัวตาย ถ้าหากนำมารดบนตัวผู้ป่วยก็ไม่มีทางรักษาเสียชีวิต โดยมีผู้ป่วยชายอายุ 30 ปี สัมผัสพาราควอตจากการที่ลมพัดแล้วทำให้สารเคมีหกกระฉอกลงกางเกง พบว่า แผลภายนอกไม่เยอะเท่าไร แต่เพียง 3 วัน เกิดอาการไตวาย 1 สัปดาห์ตับวาย ปอดเป็นฝ้า และเสียชีวิต

"  จากนี้สธ.จะต้องพยายามให้ข้อมูลแก่ประชาชนมากขึ้น และมีการตรวจเฝ้าระวังสารเคมีอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง และจะให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั้ง 80,000 คน ที่ผ่านการอบรมในการใช้เครื่องมือ เพื่อช่วยตรวจสารเคมีในสิ่งแวดล้อมด้วย” นพ.สุขุม กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า สารเคมีทั้งสามตัวมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งในที่ประชุมทาง สธ.ได้มีการรายงานผลกระทบไปแล้วทั้งหมด อย่างสารพาราควอต มีพิษทั้งเฉียบพลัน หากรับไปตายอย่างเดียว เกิดโรคเนื้อเน่า และผลระยะยาวเรื้อรัง ซึ่งตอนนี้พบการตกค้างในเด็กและแม่ กระทบพัฒนาการเด็กและสมอง ส่วนคลอร์ไพรีฟอส กระทบต่อระบบประสาท สมองเด็ก ทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตได้ในหลอดทดลอง และรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ  ขณะที่ไกลโฟเซต เป็นสารน่าจะเกิดมะเร็งได้ รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ และพบการตกค้างในทารกและมารดา สามารถกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ มีหลักฐานยืนยันชัดเจน

"ชาดา"โพสต์ป้อง"มนัญญา"ลั่นอย่าทำอะไรน้องสาวผม

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ชอบอ้างว่า ไม่เคยตรวจพบสารพาราควอตในอาหาร ผักผลไม้ ขอยืนยันว่า กรมฯ ได้เฝ้าระวังการตกค้างของพาราควอตในพืชผักผลไม้ โดยตรวจพืชผักทั่วทุกภาคของประเทศ ก็พบการปนเปื้อน เช่น กะหล่ำปลี ที่ไม่อนุญาตให้ใช้พาราควอต จากการกะหล่ำปลีจากตลาดที่ จ.พิษณุโลกมาตรวจตั้งแต่ต้นปี 2562 พบพาราควอตปนเปื้อน 0.21 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เกินกว่าค่ามาตรฐานคือ 0.01 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมถึง 20 เท่า ซึ่งกรมวิทย์เองมีห้องปฏิบัติการในระดับประเทศ นานาชาติ และได้รับการรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ยืนยันว่ามีการตกค้างในห่วงโซ่อาหาร สำหรับการให้ อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน 8 หมื่นคน ลงไปช่วยสำรวจสารเคมีพืชผักผลไม้ ในดินและในน้ำ กรมฯ มีการพัฒนาชุดทดสอบอบ่างง่าย (เทสต์คิต) ก็จะร่วมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ดำเนินการต่อ เพื่อทำให้การดำเนินเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น

นพ.ไพศาล กล่าวว่า อย.ดูแลเรื่องอาหารปลอดภัย ทั้งอาหารในประเทศและการนำเข้า ซึ่ง อย.มีด่าน 52 ด่าน ด่านผักผลไม้ที่เข้ามามาก มี 2-3 ด่าน คือ เชียงของ เชียงแสน และลาดกระบัง ก็ตรวจได้เข้มข้นขึ้น เพื่อคุ้มครองประชาชน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จุดยืนเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ มติที่ประชุมวันที่ 22 ต.ค. 2562 ในการแบน 3 สารพิษทันทีวันที่ 1 ธ.ค. 2562

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อ สธ.ยืนยันว่าให้ยกเลิก เหตุใดจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ นพ.ไพศาล กล่าวว่า  ตัวแทนทาง สธ.มีทั้งตนเอง และ นพ.โอภาส ไม่ได้มีการยกมือเลย  เรายืนยันตามมติเดิม  

เมื่อถามว่าแล้วการลงมติเมื่อวานเป็นอย่างไร  นพ.โอภาส กล่าวว่า มติวันที่ 22 ต.ค. 2562 ที่ให้แบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด มีการรับรองมติที่ประชุมไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ก็ไม่มีการให้ยกมือลงมติเป็นรายบุคคลว่า ให้มีการยกเลิกมตินี้ เพราะฉะนั้น สธ.จึงยืนยันในมติเดิม

เมื่อถามว่า เมื่อไม่มีการยกมือลงมติเช่นนี้จะถือว่ามีผลตามกฎหมายหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สรุปรายงานการประชุม เราก็คาดเอาเองไม่ได้ แต่สธ.ก็ยืนยันตามมติเดิม รายละเอียดต้องถามกระทรวงอุตสาหกรรม และต้องขอดูรายงานการประชุมอย่างเป็นทางการก่อน พร้อมกับเดินออกจากวงแถลงข่าวไป

เมื่อถามว่า รศ.จิราพร ลิ้มปนานนท์ กรรมการวัตถุอันตราย ที่สนับสนุนให้แบนสารเคมี โพสต์ข้อความว่ามติดังกล่าวเป็นการจำยอม   นพ.โอภาส กล่าวว่า เท่าที่อ่านคร่าวๆ ก็ตรงกัน คือ ไม่มีการยกมือลงมติเป็นรายบุคคลหรือให้ยกเลิกมติเดิม ก็ยันว่ามติเดิมผ่านการรับรองมติไปเรียบร้อยแล้ว

สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ ร่วมต้าน ‘3 สารเคมีเกษตร’

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ