ตร.ทางหลวงแจงไม่ได้เจาะล้อกระบะ เป็นอุบัติเหตุยางระเบิด

ตำรวจทางหลวงรับมือ คนเริ่มกลับกรุงเย็นนี้

กระบะบรรทุกคนงานไปเที่ยวยางระเบิด ถูกชนท้ายเจ็บ 6 คน

เมื่อวันที่ (3 ธ.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปวิดีโอปะทะอารมณ์ระหว่างคนขับรถกระบะขนของกับตำรวจทางหลวงประจำป้อมจุดตรวจพรุพ้อ ถนนสายเอเชีย อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เมื่อวานนี้ 

ในภาพเป็นเหตุการณ์ที่ตำรวจเรียกตรวจรถกระบะบรรทุกของคันหนึ่ง และยึดกุญแจรถ ทำให้เกิดการปะทะคารมณ์กันอย่างดุเดือด ก่อนเรื่องราวจะบานปลาย มีเสียงดังสนั่นมาจากรถกระบะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บวิ่งมาอย่างสะบักสะบอม โดยที่บริเวณล้อรถกระบะได้แตกออก มีลักษณะคล้ายถูกของมีคมกรีด ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่ายางรถถูกเจาะจนระเบิดหรือไม่

ล่าสุด ร้อยตำรวจเอกชัยรัตน์ หนูละออง ซึ่งทำหน้าที่ร้อยเวรในวันเกิดเหตุ ชี้แจงว่าการเรียกตรวจค้นรถกระบะคันดังกล่าว เป็นการตรวจค้นตามเป้าหมาย ป้องกันการซุกซ่อนสิ่งผิดกฏหมายมากับรถขนสินค้า ซึ่งการตรวจค้นอาจเสียเวลา ทำให้คนขับไม่พอใจและไม่เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนเกิดการพูดตอบโต้กันขึ้น

เหตุการณ์นี้ ทางตำรวจทางหลวงทางหลวง 3 ได้ตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริง  เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่  ส่วนเรื่องยางระเบิดที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจเป็นคนเจาะหรือไม่ สอบสวนเบื้องต้นพบว่าเป็นอุบัติเหตุยางระเบิด ขณะที่ตำรวจทางหลวงก้มลงดูใต้ท้องรถพอดี

หลังเกิดเหตุทางตำรวจทางหลวงได้ช่วยเหลือ โดยใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ก็นำยางอะไหล่มาเปลี่ยนให้ จนสามารถขับไปส่งพริกได้ทันเวลา ก่อนจะเปลี่ยนยางใหม่ให้ 2 เส้นเป็นเงิน 8,700 บาท และพูดคุยทำความเข้าใจกับคนขับรถกระบะ และเถ้าแก่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนเข้าใจและพอใจกันทั้งสองฝ่าย

ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงตามที่ปรากฏในคลิปนั้น หากพบว่าผลการสอบสวนเรื่องมีความผิดก็จะดำเนินการทางวินัยโดยไม่ละเว้น

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังคนขับรถกระบะคู่กรณี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งได้แจ้งเพียงว่าเรื่องนี้จบลงด้วยดีแล้ว และจะไม่มีการเรียกร้องหรือดำเนินการทางคดีอีก

ด้านพันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจทางหลวงว่า หลังเกิดเรื่องพันตำรวจเอกจิรประภาพ สุทธปรีดา ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวงมีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลภายใน 7 วัน พร้อมทั้งมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปรากฏในคลิปวิดีโอไปปฏิบัติหน้าที่ยังสถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (โคกโพธิ์) เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส กับทุกฝ่าย