นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนที่ชัดเจน คือต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจุดยืนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคร่วมรัฐบาลได้ยอมรับแล้ว เพราะเป็นเงื่อนไขหลักในการตอบรับเข้าร่วมรัฐบาล
“จุรินทร์” แจง นายกฯตรวจ ชื่อ ครม. ได้เฉพาะคุณสมบัติ
"ประวิตร"โต้ข่าวลือ ปรับ ครม. ลงโทษ ปชป. สวนมติรัฐบาล
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรจบที่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา เพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ควรนำมาสู่การปฎิบัติจริงด้วย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยาก หากมีโอกาสควรรีบแก้ไข และพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าต้องการแก้มาตราใดบ้าง
ส่วนกระแสข่าวว่าอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยการตัดโควต้าของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากไม่สามารถคุมเสียงส.ส.ของตัวเองได้
นายจุรินทร์ ระบุว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งตัวเองทำงานการเมืองมานาน จึงเข้าใจกระบวนการทางการเมืองทุกอย่าง และการปรับครม. สามารถทำได้ ขอเพียงให้แจ้งมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหา และยินดีตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทันที ส่วนการตัดสินใจไม่ยาก หมายถึงการย้ายขั้วหรือไม่ นายจุรินทร์ ไม่ได้ตอบรับหรือปฎิเสธ เพียงแต่ตอบว่าเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน และไม่อยากพูดไปก่อน เพราะอาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง
อีกด้านหนึ่งผู้สื่อข่าวพีพีทีวีตรวจสอบกับแหล่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับข้อมูลว่า กรณีที่นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากบทบาทในพรรคไม่ชัดเจน เพราะแนวคิดไม่ตรงกับกลุ่มที่มีอำนาจในพรรค ซึ่งนายพีระพันธ์ อยู่ในกลุ่มที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และส.ส.อีกหลายคนในพรรค ประกอบกับตอนนี้พรรคพลังประชารัฐ กำลังต้องการสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้หลุดพ้นจากสภาวะ “เสียงปริ่มน้ำ” จึงพยายามดึงบุคคลที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ในพรรคต่างๆไปร่วมงานด้วย จึงเป็นไปได้ว่าหลังจากนี้จะมีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกหลายคนทยอยลาออก โดยจะมีทั้งไปอยู่พรรครวมพลังประชาชาติไทย ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงจะมีบางส่วนไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าต่อไปจะกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่กว่าประชาธิปัตย์
“เฉลิม” ฟันธง"จุรินทร์"เป็นหัวหน้าปชป.แตกเป็น 2 ขั้ว