วันที่ 13 ธ.ค. 2562 ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังองค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนนวดแผนไทยเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage หรือ ICH) ว่า หลัง ยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนนวดแผนไทยเป็นมรดกวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จะขยายผล เผยแพร่ศาสตร์การนวดไทยไปทั่วโลก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ รวมถึงสนับสนุนให้คนไทยที่ได้รับประกาศนียบัตรผ่านการอบรมนวดสามารถไปทำงานได้ทั่วโลก
ยูเนสโก ยก “นวดไทย” เป็นตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ด้าน นายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ ระบุว่า ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าการนวดแผนไทยได้รับการยอมรับในระดับโลก ทำให้คาดการณ์ว่าหลังจากนี้การนวดไทยจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังเป็นห่วงในกรณีที่มีบางกลุ่มใช้วิชานวดในทางที่ผิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีใบอนุญาตนวดแผนไทยอย่างถูกกฎหมาย
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมที่ได้เป็นผู้ดำเนินการเสนอนวดไทย เข้าสู่การพิจารณาต่อองค์การยูเนสโกในรอบ ปี 2562 จนประสบความสำเร็จก่อให้เกิดประโยชน์ทำให้ “นวดไทย” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโก นวดไทยนั้นถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยที่มีการสืบสานมาแต่โบราณกาลมีบันทึกจารึกกล่าวถึงตั้งแต่ยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) และในเชิงโครงสร้างก็มีการจัดตั้งกรมหมอนวด จวบจนสมัยปัจจุบันได้มีการแตกหน่อต่อยอดองค์ความรู้แห่งศาสตร์แขนงนี้อย่างหลากหลาย พัฒนาเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย ตั้งแต่การนวดพื้นบ้านในชุมชน การนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพในสถานประกอบการ เพื่อสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงการนวดเพื่อการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลต่าง ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้หมายความว่าอย่างไร นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า จริงๆก็คือไม่ใช่ถาวรวัตถุ ไม่ใช่เจดีย์ หรือวัด เป็นศาสตร์องค์ความรู้ และเป็นกรรมวิธีที่เห็นในตัวคน และมีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “นวดไทย” เป็นวัฒนธรรมภูมิปัญญาที่ 2 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก ต่อจาก “โขน” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยหลังจากนี้กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมส่งประเพณีสงกรานต์ รวมไปถึงภูมิปัญญาอาหาร คือ ต้มยำกุ้ง เข้ารับคัดเลือกในปีต่อ ๆ ไป