“จตุพร” เชื่อ 2 พรรคใหญ่ มีงูเห่า
เศรษฐกิจใหม่ ลั่น พร้อมร่วมรบ. รอผู้ใหญ่โทรชวน
“งูเห่า” คำคุ้นเคยทางการเมือง ที่มีบทบาททั้งอดีตและปัจจุบัน
ต้นตอก็ไม่ได้มาจากไหน แต่มาจากนิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่า เล่าเรื่องเริ่มจากฤดูหนาว ใกล้เคียงกับช่วงเวลานี้ ที่ฤดูกาลหนาวเหน็บ แต่การเมืองร้อนฉ่า
เมื่อชาวนาสงสารงูเห่าที่นอนหนาว จึงเอามาให้ความอบอุ่น แต่สุดท้ายก็ถูกอสรพิษร้ายแว้งกัด
ส่วนงูเห่าการเมืองไทย มีกระแสมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ช่วงแรกของรัฐบาลชุดนี้ ว่าจะมีใครบางคนจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน แปลงร่างเป็นงูเห่ามาช่วยโหวตสนับสนุนรัฐบาลในวาระสำคัญต่างๆ
ความชัดเจนเริ่มชัดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากงูเห่าสีส้ม ทีเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละตัวสองตัว
จนล่าสุดเกิดงูเห่าโผล่จากฉีกพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นสิบตัว ครั้งการนับองค์ประชุมในการประชุมสภา เรื่องการตั้งคณะกมธ.ศึกษาผลกระทบจากม.44
คอการเมืองต่างวิเคราะห์กันว่า งูเห่า ยังจะมีมากกว่านี้ ในการโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า
เรารู้แล้วว่า “งูเห่า” มาจากนิทานอีสป ที่ถูกใช้ในการเมืองไทย แต่เมื่อไหร่กันที่ถูกเริ่มนำมาใช้ ทีมข่าวพีพีทีวีออนไลน์ จึงมาย้อนที่มาที่ไปของ งูเห่าการเมือง ให้ได้รู้กัน
ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตัดสินใจลาออก ซึ่งครั้งนั้นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตัดสินใจที่จะรวมกลุ่มกันและสนับสนุน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
โดยขณะนั้นมีเสียง ส.ส. พรรคร่วมฯที่จับมือกัน 4 พรรครวม 197 เสียง ประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่ 125 เสียงพรรคชาติพัฒนา 52 เสียง พรรคประชากรไทย 18 เสียง พรรคมวลชน 2 เสียง
ส่วนอีกฝ่ายก็พยายามจัดตั้งรัฐบาลแข่ง โดยชูนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ และมีพรรคแกนนำคือพรรคประชาธิปัตย์ 123 เสียง พรรคชาติไทย 39 เสียง พรรคเอกภาพ 8 เสียง พรรคพลังธรรม 1 เสียง พรรคไท 1 เสียง รวมกับพรรคร่วมเดิมอย่าง พรรคกิจสังคม 20 เสียง และ พรรคเสรีธรรม 4 เสียง รวมได้ 196 เสียง แต่ก็ยังน้อยกว่าฝั่งตรงข้ามอยู่ 1 เสียง
ทำให้ผู้จัดการรัฐบาลในตอนนั้นอย่าง “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เจรจาดึงส.ส.พรรคประชากรไทย ในกลุ่มของนายวัฒนา อัศวเหม จำนวน 13 คนเข้ามาสนับสนุน จึงรวมได้เป็น 209 เสียง นายชวน จึงได้เป็นนายกฯ
ทำให้พรรคประชากรไทยแตกออกเป็นสองฝ่าย คือที่หนุนพล.อ.ชาติชายและอยู่กับ สมัคร สุนทรเวช เหลือเพียง 5 เสียงจาก 18 เสียง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น “สมัคร” ได้เอาสำนวนจากนิทานอีสปเรื่อง “ชาวนากับงูเห่า” มาใช้
โดยนายสมัคร เปรียบตัวเองเป็นชาวนา ที่นำเอากลุ่มของ “วัฒนา” ให้มาอยู่ด้วย เพราะ ขณะนั้น “วัฒนา” ขัดแย้งกับ “บรรหาร ศิลปอาชา” เจ้าของพรรคชาติไทยและย้ายมาอยู่กับนายสมัคร แต่สุดท้ายเขาก็ถูกงูเห่าแว้งกัด และเปรียบกลุ่มของนายวัฒนาเป็นกลุ่ม “งูเห่า” เหตุการณ์ครั้งนั้น จึงน่าจะเป็นต้นกำเนิดของคำว่า “งูเห่า” ทางการเมือง
จนมาถึงปัจจุบัน ที่ชื่องูเห่ากลับมามีบทบาทอีกครั้ง แต่หากสังเกตุการณ์ให้ดีปรากฎการณ์งูเห่าเกือบทุกครั้ง กลุ่มส.ส.งูเห่า มักจะเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะชี้ชะตานายกฯหรือชี้ชะตารัฐบาลในยุคสมัยนั้นๆ
ส่วนการเลี้ยงงูเห่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องแลกกับอะไรมากมายไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้หรือกล้วยจำนวนไม่น้อยหรือกับคดีความต่างๆ
งูเห่าจะมีค่าและราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ตามเสียงที่ปริ่มน้ำ
ที่สำคัญต้องคอยระวังว่างูเห่าจะกลับมาแว้งกัดตัวเองหรือเปล่า...
ส.ส.อนาคตใหม่ เตรียมแฉ “ขบวนการซื้องูเห่า”