สำเนาพินัยกรรมของพระกิตติวุฒโฑฉบับนี้ ระบุให้ “น.ส.สมนึก เจริญสถาพร” น้องสาวเป็นผู้จัดการมรดก นำเงินและที่ดินกว่า 2,000ไร่ ไปขายเพื่อทำนุบำรุงศาสนา
เผยชนวนเหตุสังหารกลางศาลจันทบุรี โยงช่องโหว่“ธรณีสงฆ์”
ผ่านมา 14 ปี นับจากพระกิตติวุฒโฑมรณภาพ ที่ดินถูกเปลี่ยนมือจากน.ส.สมนึก เป็นของนายบุญช่วย เจริญสถาพร น้องชายของพระกิตติวุฒโฑอีกคน ที่ครอบครองที่ดินพิพาท 3,800 ไร่ในจังหวัดจันทบุรี
โฉนดที่ดิน 415 ไร่ 1 งาน ในต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา คือ หนึ่งในแปลงที่พระกิตติวุฒโฑ มอบให้น้องสาวเป็นผู้จัดการมรดกก่อนที่ปี 2553 น.ส.สมนึกจะโอนต่อให้นายบุญช่วย
สาเหตุที่ต้องโอนที่ดินให้นายบุญช่วย เพราะ น.ส.สมนึกมีโรคประจำตัวรุมเร้า ไม่สะดวกเป็นธุระจัดการมรดกนี่เป็นคำอธิบายจากลูกสาวนายบุญช่วย ที่ทำหน้าที่ดูแลน.ส.สมนึกที่ป่วยหนัก แต่เธอปฎิเสธไม่ให้ถ่ายภาพและสัมภาษณ์ใดๆ
สวนปาล์มติดทะเล คือ ที่ดินตามโฉนด ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า นี่ คือสวนกิตติวุฒโฑ ในอดีตมีป้ายบอกทางชัดเจน แต่ไม่นานมานี้ป้ายถูกรื้อถอนออกไป
ในโฉนดที่ดินนายบุญช่วยครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินตั้งแต่ปี 2553 แม้พินัยกรรมของพระกิตติวุฒโฑจะระบุให้ขายที่ดินแปลงนี้เพื่อนำเงินไปทำนุบำรุงศาสนา เหลือเวลาอีก 1 ปี ที่ดินแปลงนี้อาจตกเป็นของนายบุญช่วยโดยชอบธรรม เพราะ เขาจะครอบครองโดยปรปักษ์ ครบ 10 ปี ในวันที่ 24 ธ.ค.2563
สำรวจที่ดิน 3,800 ไร่ ชนวนเหตุ ยิงดับ 3 ศพกลางศาล
ตามหลักพระธรรมวินัย เมื่อบวชเป็นพระจะไม่มีสมบัติใดติดตัว แต่หากได้รับบริจาคมา พระพุทธเจ้าสอนว่าให้โอนเป็นของส่วนกลาง เพราะ พระภิกษุถือว่าละขาดจากทางโลกแล้ว
ขัดแย้งกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่มีบทบัญญัติเรื่องการจัดการทรัพย์มรดกของพระสงฆ์ ว่า หากพระมรณภาพ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของศาสนา เว้นแต่พระรูปนั้นทำพินัยกรรมไว้
ไม่มีใครรู้ว่ายังมีธรณีสงฆ์ตกเป็นของส่วนตัวอีกมากน้อยเท่าไหร่ เพราะไม่เคยมีการเก็บข้อมูลเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ นี่เป็นจุดอ่อนที่ทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่สามารถตรวจสอบได้
เรื่องนี้มีข้อเสนอให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้ตัดเงื่อนที่เปิดช่องให้พระภิกษุสามารถทำพินัยกรรมมอบให้ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดได้ โดยเหลือเพียงสาระสำคัญที่ว่า ทรัพย์สินที่ได้ระหว่างครองสมณเพศ เมื่อมรณภาพให้ตกเป็นของศาสนา
ช่องโหว่กฎหมาย “ธรณีสงฆ์” สู่ที่ดินส่วนตัว