นักวิจัยส่งเสียงถึง ‘บิ๊กตู่’ ชี้ฝุ่น PM 2.5 ยังวิกฤตลุกลามถึงปี 63


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นักวิจัย  มช. เผยปัญหาฝุ่นพิษ ไม่ใช่แค่ไอเสียจากรถยนต์ หรือรง.อุตสาหกรรม แต่มาจากการเผาพืชผลทางการเกษตร ขอ ‘บิ๊กตู่’ เห็นแก่สุขภาพคนไทย ออกมาตรการทั้งระบบ คุยประเทศเพื่อนบ้านหาทางออกร่วมกัน  

สถานการณ์มลภาวะจากฝุ่นละออง โดยเฉพาะ PM 2.5  หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ที่พบได้เกือบทุกภาคของประเทศ  ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง หรือแม้แต่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดปี 2562 กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ

เตือนเชียงใหม่-กรุงเทพ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตราฐานอีกรอบ

เตือน! พ.ย. นี้  ฝุ่น PM 2.5 มาแน่ กระทบหมดไม่เว้น กทม.

ล่าสุด  ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยปัญหาฝุ่น PM 2.5  ว่า  ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตลอดแทบทั้งปี และจะพบแบบนี้ทุกปี หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการในการแก้ปัญหาภาพรวม โดยพบว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.จนถึงเดือน ก.พ. จะเป็นช่วงที่มีฝุ่นละอองมากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาคกลาง ภาคอีสาน  จากนั้นช่วงเดือน มี.ค.จนถึงเม.ย.ก็จะเป็นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน สาเหตุหลักคือ มาจากการเผาทางการเกษตร ทั้งอ้อย ฟางข้าว มันสำปะหลัง โดยเฉพาะโรงงานหลายแห่งก็มีการเผาทางการเกษตร ยังไม่รวมประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาทางการเกษตรมาตลอด

“อย่างกรุงเทพฯ ก็เจอปัญหาหนัก  แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐบอกว่า ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯมาจากรถปล่อยไอเสีย มาจากการจราจรหนาแน่น ทั้งๆที่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะผลการศึกษาพบว่า ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯไม่ได้มีส่วนสัมพันธ์กับดัชนีความหนาแน่นทางจราจรมากนัก แต่ไปสัมพันธ์กับปัญหาการเผาทางการเกษตรมากกว่า อย่างในรอบ 240 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ จะพบว่า มีการเผาทางการเกษตรมาจากภาคเหนือและอีสาน ดังนั้น กรุงเทพฯจึงไม่มีทางรอดพ้นฝุ่นละอองเหล่านี้ได้” ศ.นพ.ชายชาญ กล่าว

รู้จัก ! PM 2.5 เมื่อฝุ่นละอองปกคลุมกรุงเทพฯ

ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวอีกว่า   รัฐบาลต้องจริงใจและแก้ปัญหาทั้งระบบ  ไม่ว่าจะเป็นการเข้มงวดการใช้กฎหมายห้ามเผาในที่โล่งอย่างจริงจัง  การออกมาตรการห้ามเผาทางการเกษตรในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก อย่างโรงสีข้าว โรงงาน ฯลฯ  มีมาตรการกำจัดอย่างเหมาะสม และต้องมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านถึงทางออกของปัญหาร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเรื่องนี้สะสมมากว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี    2548 -2549  แต่หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการจริงจัง คนไทยก็ต้องเผชิญกับภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่จบสิ้น และในปี 2563 ก็ต้องเจอปัญหาเหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลก็จะออกคำแนะนำว่า ให้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนทุกปี ซึ่งจริงๆการสวมหน้ากากอนามัย ก็ต้องเป็น N95 ไม่เช่นนั้นก็ป้องกันไม่ได้อีก

เมื่อถามว่าอันตรายจากฝุ่นละออง PM2.5 จะลุกลามมากขึ้นแค่ไหน ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวว่า ทุกวันนี้ก็อันตรายมาก เพราะหากวิเคราะห์จริงๆ มีคนเสียชีวิตจากปัจจัยของมลพิษทางอากาศ หรือ PM 2.5 ถึงปีละ 40,000 คน โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมองตีบ โรคมะเร็งปอด โรคปอดอักเสบ ซึ่งพบว่าร้อยละ 30-60 มีสาเหตุกระตุ้นมาจากมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM 2.5   ตัวเลขนี้อันตรายกว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุถึง 4 เท่า และที่น่ากลัวคือ ฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ต่อปี ทำให้ประชาชนที่เกิดและอาศัยในพื้นที่นั้นตลอดชีวิตอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง 0.98 ปี   

“นายกรัฐมนตรี ต้องลงมาดูแลเรื่องนี้จริงจัง ออกมาตรการทั้งระบบ  ที่สำคัญต้องเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่เช่นนั้นคนไทยก็ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ทุกปี และต้องมาหาแนวทางป้องกันตัวกันเอง ทั้งๆที่เราควรแก้ที่ต้นเหตุ ที่ผ่านมาเคยขอพบนายกฯ ในการนำเสนองานวิจัยและผลกระทบ รวมทั้งแนวทางแก้ปัญหา แต่ทีมนายฯ บอกว่าให้คุยไม่เกิน 5 นาที เรื่องใหญ่ส่งผลต่อสุขภาพคนทั้งประเทศเวลาเท่านั้นจะเพียงพอได้อย่างไร”  ศ.นพ.ชายชาญ กล่าว

วงเสวนาแนะใส่หน้ากากอนามัยกันฝุ่นขนาดเล็ก ตลอดเวลา

คนบันเทิงตื่นตัวรับมือ ฝุ่นละออง PM 2.5

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ