“กิตติรัตน์” ปลื้ม “ยิ่งลักษณ์” ได้พาสปอร์ตเซอร์เบีย ชี้ไปต่างประเทศไม่ต้องใช้วีซ่ามากกว่าของไทย
ลาออก !! “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ขอบคุณ “พลังท้องถิ่นไท”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย จัดโครงการอาสาสมัครร่วมสร้างสิ่งแวดล้อม “Green Evolution” รู้สิทธิ์ รู้ค่า รู้รักษา ให้ยั่งยืน เพื่อสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับเยาวชนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ นำโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยส.ส.พรรคเพื่อไทยและสมาชิกเพื่อไทยพลัส อาทิ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ วิทยากรโครงการ
โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในปีนี้รัฐบาลตั้งเป้ามีรายได้ 2.7 ล้านล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ารายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งขาดทุน 4-5 แสนล้านบาท อีกทั้งประเทศไทยไม่มีเงินออมทั้งที่มีทรัพยากรที่สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล เช่น ไม้มีค่า หากรัฐบาลเริ่มปลูกไม้มีค่าในปีนี้ ทั้งไม้สัก ไม้พยุง จำนวน 40 ล้านต้น ในอีก 40 ปีข้างหน้าสามารถตัดได้ มูลค่าจะอยู่ที่ต้นละ 30,000 บาท จะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลได้ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท
ขณะที่น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร กล่าวว่า จังหวัดสกลนครติดอันดับยากจนที่สุดในประเทศไทย ทั้งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นลำดับต้นๆของประเทศ เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ต้นคราม ที่สามารถแปรรูปเป็นผ้าย้อมครามสร้างรายได้ ตนจึงอยากผลักดันให้ชาวสกลนครนำเทคโนโลยีสร้างมูลค่าของสินค้า และนำนวัตกรรมมายกระดับผ้าย้อมคราม สร้างรายได้เข้าจังหวัดและผลักดันให้สกลนครหลุดพ้นจากความยากจน
ทั้งนี้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการได้เสนอให้รัฐส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าและลดภาษีการนำเข้ารถไฟฟ้า ส่งเสริมโครงการ OPOT ( one person one tree ) และบังคับใช้กฎหมายตัดไม้ทำลายป่าอย่างเคร่งครัด ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจะนำไปวางนโยบายหรือนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติภูพานและโรงแรม พีซี แกรนด์ พาเลซ จ.สกลนคร
พาณิชย์ เร่งดัน"ไม้ยืนต้น"เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
“ดำรงค์ พิเดช” ขู่ออกจากรัฐบาล หาก 3 ปัญหาผืนป่าไม่ได้รับการแก้ไข