“ตลอดปี 2562 ปัญหาสุขภาพที่ผ่านมาแบ่งออกได้เป็น 7 กลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ปี 2562 แต่ยังเป็นกลุ่มโรคที่มีแนวโน้มพบได้ในปี 2563 ด้วย” นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงโรค และภัยสุขภาพ ปี 2562 และแนวโน้มปี 2563
เตือน!! ระวังป่วย “โรคไข้ฉี่หนู” แนะ สวมบูทเดินลุยน้ำ
นพ.สุวรรณชัย อธิบายเพิ่มเติม ว่า จากข้อมูล 3 ปีที่ผ่านมาโรคติดต่อที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรสูง 10 อันดับแรก คือ โรคอุจจาระร่วง ปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ อาหารเป็นพิษ ตาแดง ไข้เลือดออก มือเท้าปาก สุกใส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค ซึ่งโรคที่ถือว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คือ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคปอดอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค แต่จากสถานการณ์โรคในปี 2562 และต่อเนื่องไปปี 2563 โรคและภัยสุขภาพที่จะพบมี 7 กลุ่ม ดังนี้
1.โรคทางเดินหายใจ เช่น ปอดอักเสบ และไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 ธ.ค.2562 พบว่า มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั้งสิ้น 375,074 ราย จากทั่วประเทศ คิดเป็นอัตราป่วย 564.75 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 27 ราย โดยจังหวัดที่พบการป่วยสูงสุด คือ กรุงเทพฯ รองลงมา เป็นระยอง นครปฐม จันทบุรีและเชียงใหม่ ซึ่งพบมากในเด็กกลุ่มอาย 0.4 ปี และ 5.14 ปี แต่อัตราป่วยจนเสียชีวิตพบมากในกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไปและเด็กอายุ 0-4 ปี ซึ่งปี 2562 พบผู้ป่วยสูงมากช่วงต้นปี จะพบในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. และก.ย.-ต.ค. การที่พบโรคมากขึ้น อาจมาจากการเดินทางไปมาของคนมากขึ้น ภูมิคุ้มกันลดลง
“ ที่ผ่านมาเรามีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งกระจายในกลุ่มเสี่ยง 3 ล้านโดส แต่ด้วยเชื้ออาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสายพันธุ์ ซึ่งไม่ได้กลายพันธุ์ แต่การใช้วัคซีนอาจต้องมีการเปลี่ยนตามสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ดังนั้น ในปี 2563 โรคไข้หวัดใหญ่ จึงเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง ส่วนโรคปอดอักเสบก็เช่นกัน มีรายงานผู้ป่วยทั้งสิ้น 240,766 จากทุกจังหวัด และพบผู้เสียชีวิต 159 ราย โดยอัตราป่วยพบสูงในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งแนวโน้มการเกิดโรคใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
2.โรคที่มียุงเป็นพาหะ ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้ปวดข้อยุงลาย ไข้ซิกา ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 ธ.ค.2562 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสูงถึง 125,235 รายจากทั่วประเทศ เสียชีวิต 131 ราย โดยอัตราป่วยสูงในกลุ่มอายุ 5-14 ปี อายุ 15-24 ปี และยังพบในเด็กเล็ก 0.4 ปี ขณะที่อัตราป่วยจนเสียชีวิตพบสูงในกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป และอายุ 25-34 ปี อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขผู้ป่วยจะไม่มากหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตสูง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดโรคอย่างต่อเนื่องถึงปี 2563 สิ่งสำคัญคือ ต้องกำจัดแหล่งลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะโรคสำคัญ ไม่ใช่แค่ไข้เลือดออก แต่ยังมีไข้ปวดข้อยุงลาย ไข้ซิกา ซึ่งไข้ซิกา ต้องระวังในหญิงตั้งครรภ์เพราะจะส่งผลต่อทารกในครรภ์
3.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม เริมที่อวัยวะเพศ และหูดอวัยวะเพศและทวารหนัก จริงๆแล้วหลังจากมีการระบาดของการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ตั้งแต่ปี 2527 ก็มีการรณรงค์ จนคนกลัวและมีการป้องกันมากขึ้น ทำให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มลดลง กระทั่งอุบัติการณ์การเกิดโรคหนองในสูงขึ้น จากปี 2552 ถึงเดือน ธ.ค.2562 พบป่วยเพิ่ม 1.5 เท่าในช่วง 10 ปี และซิฟิลิส ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงเดือนธ.ค.2562 เพิ่มขึ้น 4 เท่าในช่วง 10 ปี ดังนั้น โรคจากเพศสัมพันธ์ จึงเป็นกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง และต้องมีการรณรงค์ให้มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม และป้องกันทุกครั้ง
4. วัณโรคดื้อยา จากการคาดประมาณขององค์การอนามัยโลกประเทศไทยมีผู้ป่วย 106,000 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 153 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งเป็นผู้ป่วยในระบบ 85,000 คน เสียชีวิต 11,000 ราย จริงๆเดิมทีตัวเลขผู้ป่วยสูงกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาได้มีการค้นหาผู้ป่วย เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที จนสามารถลดอัตราการป่วยลง ซึ่งต้องขอบคุณนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เดินหน้าลดอุบัติการณ์การเกิดโรค จากเมื่อ 2-3 ปีก่อนพบอัตราการเกิดวัณโรค 170 คนต่อประชากรแสนคน แต่ปัจจุบันลดลงได้มากจากเป้าหมายสูงสุดต้องเหลือเพียง 10 คนต่อประชากรแสนคน
“ปัญหาของผู้ป่วยวัณโรคคือ จะใช้ยาไม่ต่อเนื่อง จนทำให้เกิดเชื้อวัณโรคดื้อยา ดังนั้น ในปี 2563 จึงยังเป็นปีที่ต้องค้นหาผู้ป่วยและนำเข้าสู่การรักษาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งติดตามการใช้ยาในผู้ป่วยวัณโรคเพื่อลดปัญหาเชื้อวัณโรคดื้อยา” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
5.โรคที่เกิดจากอาหาร เช่น โรคไข้หูดับ อาหารเป็นพิษ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 ธ.ค.2562 มีรายงานผู้ป่วยจากอาหารเป็นพิษ 103,954 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม โรคที่ต้องเฝ้าระวังจากการติดต่อทางอาหาร คือ โรคหูดับ ซึ่งเกิดจากการรับประทานหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงไม่สุก ทำให้มีอาการไข้ บางรายรุนแรงสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด โดยข้อมูลจากการเฝ้าระวังระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-23 ธ.ค.2562 มีรายงานผู้ป่วย 374 รายจาก 33 จังหวัด พบเสียชีวิต 31 ราย ซึ่งพบมากสุดที่จ.นครสวรรค์ รองลงมา นครราชสีมา และกำแพงเพชร
แพทย์เตือน โรคและภัยสุขภาพช่วง "ฤดูหนาว"
“นอกจากโรคติดต่อที่ต้องระวังแล้ว ยังมีภัยสุขภาพที่ต้องระวัง คือ กลุ่มที่ 6 อุบัติเหตุจราจร ถือเป็นภัยสุขภาพที่น่ากลัวไม่แพ้โรคติดต่อ เนื่องจากโรคต่างๆที่กล่าวมายังไม่เท่ากับอุบัติเหตุจราจรที่พบผู้เสียชีวิตสูงถึงปีละกว่า 20,000 คน เฉลี่ยมีผู้เสียชีวิต 55 คนต่อวัน โดยกลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ อายุ 15-19 ปี รองลงมากลุ่มอายุ 20-24 ปี และกลุ่มที่ 7 การจมน้ำ เป็นภัยที่ต้องระวังมากในเด็ก ซึ่งการเสียชีวิตจากการจมน้ำในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี พบว่า เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 มากกว่าทุกสาเหตุ” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ไม่เพียงแต่ 7 กลุ่มโรคและภัยสุขภาพเท่านั้นที่กรมควบคุมโรค ต้องเฝ้าระวัง ยังมีภัยสุขภาพอื่นๆ อีก ทั้งปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ต้องป้องกันปัญหาสุขภาพจากฝุ่น แต่จริงๆเรื่องนี้ต้องทำทั้งระบบในการป้องกันปัญหา ทั้งการปรับเปลี่ยนรถให้ได้มาตรฐาน ไม่ปล่อยควันไอเสียที่มีผลต่อสภาพอากาศ ฯลฯ
แนะ 5 วิธีป้องกันโรคและภัยสุขภาพจากน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก
“รวมทั้งเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า แม้ขณะนี้จะมีการควบคุมการระบาดได้ แต่ยังมีเรื่องของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งพบว่า คนมักไม่ให้ความสำคัญ เมื่อถูกสุนัข หรือแมวกัดข่วน หรือแม้แต่ถูกเลียบาดแผล กลับไม่รีบไปฉีดวัคซีนป้องกัน ทั้งที่สามารถลดการเสียชีวิตได้ เรื่องนี้จึงต้องเฝ้าระวังและให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะอย่าลืมว่า เรายังมีสุนัขจรจัดอยู่ ตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้”นพ.สุวรรณชัย กล่าวทิ้งท้าย
สิ่งสำคัญนอกจากภาครัฐจะเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรคต่างๆแล้ว ประชาชนอย่างเราก็ต้องดูแลสุขภาพ ป้องกันตัวเองด้วยเช่นกัน