จักรพรรดิญี่ปุ่น สละราชสมบัติ พระองค์แรกในรอบ 200 ปี
ราชพิธีครองบัลลังก์แห่งจักรพรรดิญี่ปุ่น
โดยย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารที่ 30 เมษายน ปี2019 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ แห่งญี่ปุ่น ทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการ จากเหตุผลด้านพระพลานามัย หลังจากที่ทรงครองราชย์ ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวญี่ปุ่น มายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ นอกจากพระราชพิธีสำคัญที่เกิดขึ้น ยังเป็นวันที่ชาวญี่ปุ่นอำลารัชสมัย “เฮเซ” ที่สิ้นสุดไปพร้อมกับการครองราชย์ของพระองค์ด้วย
จากนั้น วันพุธที่ 1 พ.ค. สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 126 แห่งราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ถือเป็นอันเริ่มต้นรัชสมัยใหม่ คือ รัชสมัย “เรวะ” ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า สันติสุขและความปรองดอง โดยพิธีขึ้นครองราชย์จัดขึ้นอย่างรวบรัดและเรียบง่าย สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ ความว่า “ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนตามกรอบรัฐธรรมนูญ และจะคำนึงถึงประชาชนอยู่เสมอ”
ถัดมาในเดือนตุลาคม จึงมีการเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เริ่มจากพิธีประทับบนพระราชบัลลังก์ ซึ่งเป็นพิธีตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยปี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิโดยสมบูรณ์ โดยมีสักขีพยาน คือ แขกผู้มีเกียรติและพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
ส่วนริ้วขบวนเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ ซึ่งเดิมมีหมายกำหนดการจัดในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม สมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระราชวินิจฉัยให้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 10 พฤศจิกายน เพื่อให้รัฐบาลทุ่มเทเวลาฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุพายุไต้ฝุ่น “ฮากิบิส” พัดถล่ม
รู้จักความเป็นมาแห่งรัชสมัย “ญี่ปุ่น”
ทั่วโลกจับตา! ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น “ฮากิบิส” เตรียมถล่มญี่ปุ่น รุนแรงเท่าเฮอริเคนระดับ 5
ทั้งนี้แม้ว่าจักรพรรดิจะเปลี่ยนสถานะเป็นเพียงสัญลักษณ์ของประเทศ แต่ชาวญี่ปุ่นก็ยังให้ความเคารพเทิดทูนจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้ง ยังนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 200 ปี ที่สมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงสละราชสมบัติขณะยังทรงมีพระชนม์ชีพ บรรยากาศในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ครั้งนี้ จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี จนกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก