คนผิวเผือกแอฟริกา" ยีนด้อยที่นำสู่ชะตาชีวิตสุดโหดร้าย

แอฟริกาคนผิวเผือกจำนวนมากถูกทรมาน และสังหาร  เพราะความเชื่อว่าชิ้นส่วนจากร่างกายที่มีสีผิวผิดแผกพวกพ้องของพวกเขา จะนำความโชคดีมาให้

ลัทธิต่อต้านวัคซีน

ธุรกิจบ้านผีสิง "จิโค บุกเคน"

ผิวขาวที่ซีดสีงาช้างของคนผิวเผือก เป็นลักษณะด้อยทางพันธุกรรมที่มักเกิดขึ้นจากการแต่งงานใกล้ชิดระหว่างเครือญาติของพ่อและแม่ที่เป็นพาหะ ยีนด้อยเหล่านี้แฝงอยู่ในร่างกายของคนผิวสีทั่วไปที่ไม่ได้มีภาวะผิวเผือก แต่กลับปรากฏในลูก เมื่อยีนด้อยและยีนด้อยมาเจอกัน ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ผิวเผือกเป็นภาวะที่หาได้ยาก อัตราการเกิดมีเพียง 1 ใน 20,000 คนเท่านั้น แต่ในแอฟริกา อัตราการเกิดผิวเผือกกลับอยู่ที่ 1 ใน 5,000 คน แทนซาเนียคือประเทศที่มีจำนวนประชากรผิวเผือกมากที่สุด คือทุกๆ 1 ใน 1,400 คน  และใน 17 คนจะมีหนึ่งคนที่มียีนด้อยนี้แฝงอยู่ในร่างกาย

แสงคือศัตรูตัวฉกาจของคนผิวเผือก เมื่อปราศจากเม็ดสีในร่างกาย พวกเขาจึงไวต่อแสงอย่างมาก นั่นทำให้คนผิวเผือกไม่อาจอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานได้ พวกเขามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังมากกว่าคนทั่วไปถึงพันเท่า ในขณะที่ดวงตาก็รับแสงได้ไม่ดีนัก อาการสายตาที่สั้นหรือยาวมากจึงเกิดขึ้นตามมาเป็นของคู่กัน แต่สำหรับคนผิวเผือกในแอฟริกา พระอาทิตย์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด หากคือผู้คน

เด็กผิวเผือกหลายคนปราศจากพ่อ เนื่องจากผู้ชายเหล่านี้ทิ้งลูกไปตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเชื่อว่าภาวะผิวเผือกที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการที่ภรรยาของพวกเขาคบชู้กับคนผิวขาว

แม้การมีผิวเผือกจะเป็นภาวะที่พบได้ง่ายในแทนซาเนีย แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้คนยอมรับได้ ในฐานะประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่ยังคงมีฐานะยากจน ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่เข้าไม่ถึงการศึกษา นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าผิวเผือกคือโรคทางพันธุกรรม

ผู้คนจำนวนหนึ่งเชื่อกันว่าการมีผิวเผือกคือพลังอำนาจวิเศษ และหากใครได้ครอบครองอวัยวะหรือชิ้นส่วนร่างกายของคนผิวเผือกแล้ว มันจะนำพาโชคดีมาให้ ข่าวการลักพาตัวทารกหรือเด็กๆ ผิวเผือกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางกรณีพวกเขาถูกฆ่า และบางกรณีพวกเขาก็เหมือนตายทั้งเป็น เมื่อถูกตัดแขนตัดขา ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต วิกฤตดังกล่าวรุนแรงจนสหประชาชาติต้องจัดการประชุมขึ้นในปี 2016 เพื่อหาแนวทางในการรับมือและปกป้องบรรดาคนผิวเผือก

ปกติแล้วอายุขัยเฉลี่ยของคนผิวเผือกนั้นมักไม่เกิน 40 ปี จากสภาพร่างกาย ที่ไม่แข็งแรง ในแทนซาเนียอายุขัยเฉลี่ยน้อยกว่านั้น เมื่อครีมกันแดดสำหรับใช้สองสัปดาห์มีราคาราว 450 บาท ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่มีรายได้ต่อวันเพียง 45 บาทเท่านั้น ท่ามกลางแดดแผดจ้าและร้อนแรง ไฝฝ้าเหล่านี้คือร่องรอยบ่งบอกว่าชั้นผิวหนังของพวกเขานั้นอ่อนแอและบอบบางกว่าคนทั่วไป  ซ้ำร้ายความเชื่อในสังคมยิ่งทำให้วันเวลาในการอยู่บนโลกของคนผิวเผือกหดสั้นลง เมื่อชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายทุกลมหายใจ

ในแทนซาเนียเพียงประเทศเดียว รายงานอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 2006 มีคนผิวเผือกถูกสังหารอย่างน้อย 76 คน นิ้วมือ แขน และขาของพวกเขาถูกตัดไปทำพิธี ฟันถูกเลาะออกไปทำเครื่องราง เลือดถูกเก็บไปทำน้ำมนต์ ชะตากรรมอันน่าสยดสยองนี้เกิดขึ้นแม้แต่กับทารกวัยไม่กี่สัปดาห์ กระทั่งตายไปแล้วก็ยังไม่ได้รับการยกเว้น เพราะหลุมศพของคนผิวเผือกมักถูกขุดกระดูกไปป่นเป็นผง ผู้คนในท้องที่ห่างไกลของแอฟริกายังคงยึดมั่นในไสยศาสตร์มนต์ดำ แต่ละหมู่บ้านมักมีหมอผีประจำ หมอผีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในฐานะแพทย์ผู้รักษาอาการเจ็บป่วยของผู้คนด้วยพืชสมุนไพร แต่อีกมุมหนึ่งพวกเขายังสามารถทำพิธีสาปแช่งศัตรูให้แก่ชาวบ้านบางคนที่มีเรื่องบาดหมาง หรือเสริมพลังความโชคดีแก่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จอีกด้วย

ความเชื่อทางไสยศาสตร์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มชาวบ้านที่ขาดการศึกษา อันที่จริงมันมีอิทธิพลในทุกระดับของสังคม การเลือกตั้งในแทนซาเนียเมื่อปี 2015 สะท้อนความจริงข้อนี้ เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวมีจำนวนเหตุสังหารคนผิวเผือกสูงเป็นประวัติการณ์

บรรดานักการเมืองท้องถิ่นพากันจ้างวานให้ชาวบ้านล่าเอาอวัยวะของคนผิวเผือกมาทำพิธีให้ตนเป็นฝ่ายชนะ อาชญากรรมที่เกิดขึ้นสูงจนน่าตกใจนี้ส่งผลให้อดีตประธานาธิบดีจาคายา คิเควเต เปิดปฏิบัติการจับกุมหมอผีทั่วประเทศที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนรักษาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในปีนั้นมีหมอผีเถื่อนถูกจับกุมมากกว่า 200 ราย  ไม่กี่เดือนถัดมา ศาลแทนซาเนียตัดสินโทษประหารชีวิตแก่ผู้ต้องหา 4 คนที่ฆาตกรรมหญิงผิวเผือก เพื่อนำอวัยวะไปทำพิธีกรรม นับเป็นบรรทัดฐานใหม่ในมาตรการปกป้องบรรดาคนผิวเผือก หลังโทษประหารชีวิตว่างเว้นไปนานหลายปี นับตั้งแต่ปี 1994 รายงานจากอดีตประธานาธิบดีจาคายาระบุ การกระทำดังกล่าวเป็นที่น่ารังเกียจและสร้างความอับอายแก่ประเทศชาติ

ที่ เกาะอูเคเรเว คือเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในทะเลสาบวิคตอเรีย และยังเป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา  แต่วันนี้มันเป็นที่รู้จักใหม่ ในฐานะสถานที่ลี้ภัยของบรรดาคนผิวเผือกในแทนซาเนีย คนผิวเผือกจำนวนมากรู้สึกอุ่นใจพอจนสามารถเรียกที่นี่ว่าบ้าน ด้วยพื้นที่ขนาดจำกัดของเกาะ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ข่าวสารเกี่ยวกับเกาะแพร่กระจายออกไป หลายครอบครัวถูกโน้มน้าวให้นำลูกๆ ผิวเผือกของพวกเขามาไว้ที่นี่ เพื่อความปลอดภัย

ข้อมูลจากการสำรวจสำมะโนประชากรในปี 2016 ระบุว่า มีคนผิวเผือก อาศัยอยู่บนเกาะนี้ 75 คน พวกเขาอยู่ร่วมกับชาวบ้านราว 20,000 คน ที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ นอกเหนือจากนโยบายกวาดล้างบรรดาหมอผีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยลดอาชญากรรมต่อคนผิวเผือกลง คือการเพิ่มแรงกดดันไปยังชุมชน แม้สีผิวแตกต่าง แต่คนผิวเผือกที่นี่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวบ้านได้อย่างกลมกลืน พวกเขาออกมาเดินนอกบ้านได้อย่างไม่ต้องหวาดกลัว ส่วนเด็กๆ ก็เติบโตโดยมีอนาคต แต่คนผิวเผือกอีกมากที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ  ยังคงอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกลักพาตัวไปชำแหละชิ้นส่วน  การสร้างพื้นที่เฉพาะก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว ซึ่งการจะแก้ปัญหาในระยะยาวนั้นรัฐบาลต้องมอบการศึกษาแก่ผู้คน และแก้ไขปัญหาความยากจนอันเป็นต้นตอของการค้ามนุษย์

ทุกวันนี้มีหลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ อัตราการสังหารคนผิวเผือกลดลงเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน แต่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง สีผิวที่เกิดจากความเจ็บป่วยทางร่างกาย   สมควรได้รับความเข้าใจและการ ดูแลรักษา  ไม่ใช่ถูกกระทำ รังเกียจ หรือเข่นฆ่า

รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 22.30 น. ทาง  PPTV HD ช่อง 36 รับชมย้อนหลังทาง http://pptv36.tv/9Oh

เปิดภาพล่าสุด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ

มองจุดจบ “ผู้นำฝังราก กุมอำนาจยาวนาน” ผ่านการปกครองในแอฟริกา