“ทรัมป์” ขู่อิหร่าน ต้องชดใช้เหตุผู้ประท้วงโจมตีสถานทูต
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันอิหร่านยิงโดรนกองทัพร่วง
พลเอกคาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ บริเวณสนามบินนานาชาติในกรุงแบกแดดของอิรัก ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ได้ออกมายืนยันว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งแผนการโจมตีของอิหร่านในอนาคต รวมถึงปกป้องพลเมืองและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในต่างแดน
เพนตากอนระบุด้วยว่า พลเอกโซเลมานีเป็นผู้วางแผนการโจมตีฐานทัพของฝ่ายพันธมิตรในอิรักหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเป็นผู้อนุมัติให้ผู้ประท้วงชาวอิรักบุกโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ไม่กี่วันที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้โพสต์รูปธงชาติสหรัฐฯ บนทวิตเตอร์ โดยไม่ได้เขียนข้อความอะไร สำหรับพลเอกโซเลมานี เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของอิหร่าน โดยกองกำลังคุดส์ของเขาขึ้นตรงกับอญาโตลลอฮ์ อะลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุด และยังได้รับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติ
นอกจากนี้ เขายังถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความทะเยอทะยานของอิหร่านในตะวันออกกลาง เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศตัวจริงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสงครามและสันติภาพ รวมถึงเป็นผู้วางแผนการทำสงครามของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในซีเรีย ความขัดแย้งในอิรัก การต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม และการสู้รบอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้ตราหน้าพลเอกโซเลมานีและกองกำลังคุดส์ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของกำลังพลสหรัฐฯ หลายร้อยคน การเสียชีวิตของพลเอกโซเลมานีถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ โดยคาดว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และการตอบโต้เอาคืนจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
ล่าสุด กับอญาโตลลอฮ์ อะลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้แถลงผ่านโทรทัศน์ว่าการสังหารพลเอกโซเลมานีจะทำให้แรงจูงใจที่จะต่อต้านสหรัฐฯ และอิสราเอลเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และการแก้แค้นอย่างสาสมกำลังรอผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้
ขณะที่นายจาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่าเหตุโจมตีดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย และสหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาทั้งหมดจากการกระทำที่สุ่มเสี่ยงและเยี่ยงอันธ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 4% หลังข่าวการสังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่านเผยแพร่ออกไป