"ประวิตร"พร้อมแจงในสภาฯ แม้ยังไร้ชื่อถูกซักฟอก
สภาประท้วงวุ่น ให้ “ประยุทธ์” อ่านคำแถลงนโยบาย
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่คาดว่าจะมีขึ้นหลังเทศกาลตรุษจีน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ ซึ่งดูแลกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย เผยว่า เบื้องต้นพรรคฝ่ายค้านกำหนดผู้อภิปรายไว้ 25 คน เพื่ออภิปรายนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่น ๆ รวม 5 คน แต่ยังไม่ขอเปิดรายชื่อผู้อภิปรายทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าเพื่อไม่ให้ถูกกดดันหรือคุกคามจากบุคคลในรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิม ยังตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ต้องการให้อภิปรายอดีตขณะเป็นรัฐบาล คสช.ด้วยว่า รัฐบาลไม่ใช่ผู้กำหนดประเด็นในการอภิปราย และการอภิปรายอดีตจะทำได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้น แม้ว่าเสียงในสภาของพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาจไม่สามารถทำให้ นายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งได้ แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังเชื่อว่าข้อมูลที่นำมาอภิปราย จะทำให้สังคมได้รับรู้ความไม่ชอบมาพากลในการบริหารราชการแผ่นดิน และจะทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อรัฐบาลไปเอง ส่วนเรื่องเสียงของพรรคฝ่ายค้าน ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มี ส.ส. ที่เรียกว่า "งูเห่า" และข่าวที่ออกมาก็เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยาของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เเผยว่า 7 พรรคฝ่ายค้านจะหารือกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกันในสัปดาห์หน้า ส่วนข้อกังวลกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ยังเร็วไปที่จะพูดถึง และมั่นใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะทำเรื่องนี้อย่างเข้มแข็ง และพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็มีจุดยืนในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี แม้ว่า จะยังไม่มีชื่อในการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็ได้แสดงความคิดเห็น โดยมั่นใจว่า รัฐมนตรีที่มีชื่อจะชี้แจงได้ และอยากขอให้ทุกฝ่ายรักษาบรรยากาศให้บ้านเมืองเป็นไปด้วยดี อยู่ในขอบเขตไม่เอาอดีตมาพูด และหากรัฐบาลปัจจุบันมีวาระซ่อนเร้น และผิดจริง พรรคภูมิใจไทยก็จะไม่ปกป้อง
โดยรองศาสตราจารย์ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์สถานกาณ์ทางการเมืองว่า ปี2563 การเมืองจะเข้มข้นตลอดทั้งปี โดยเดือนมกราคมอ่อนไหวที่สุด เพราะมีหลายกิจกรรมการเมือง เช่น ลุงไล่ลุง – วิ่งเชียร์ลุง , การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ,และ การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญคดีของพรรคอนาคตใหม่
รองศาสตราจารย์ยุทธพร มองการเมืองในสภาฯ ว่า ต้องจับตาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มองว่า ส.ส.ฝ่ายค้านไม่มีดาวสภาฯ เหมือนในอดีต และ ส.ส.ที่โดนเด่น ก็เป็นบุคคลหน้าเดิม เนื้อหาอภิปรายต้องลึก จึงจะทำให้ประชาชนสนใจ และส่งผลกระแสเกิดการขับเคลื่อนนอกสภาฯ
ส่วนการเมืองนอกสภาฯ ต้องจับตา งานวิ่งไล่ลุง ซึ่งรองศาสตราจารย์ยุทธพรวิเคราะห์ว่า อาจสร้างกระแสในสังคมได้ แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนแปลงการเมือง เหมือนเหตุการณ์ในอดีต เช่น 14 ตุลาคม 2516 , พฤษภา 2535 เพราะบริบทการเมืองต่างกัน เพราะปัจจุบัน มีความทางการเมือง ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เช่น มีผู้สนันรัฐบาล สนับสนุนทหาร แต่ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ
รองศาสตราจารย์ยุทธพรบอกด้วยว่า ในกลางปีนี้ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะครบกำหนดที่ กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะมีประเด็นที่ต้องแก้ไขประกาศออกมาให้สังคมรับรู้