“สุวพันธ์”เชื่อสอบทุจริตวัดไม่ขัดแย้งกับ“พระชั้นผู้ใหญ่
พบ 7 วัดเอี่ยวทุจริตเงินอุดหนุนวัด ปปป.จ่อฟันล็อต 4 อีก 40 วัด
นายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม นำเอกสารหลักฐานโฉนดที่ดิน ส.ป.ก.ที่ จ.สระบุรี จำนวน 7 ไร่ รวมทั้งที่ น.ส.3 จ.เชียงราย และหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม เรื่องการทุจริตยักยอกเงินของวัดมูลค่ากว่า 95 ล้านบาท เปิดเผยต่อทีมข่าว พร้อมเดินทางไปขอพบพระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวรารามให้ชี้แจงเรื่องนี้
นายชาญณรงค์ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่เป็นไวยวัจกร มีหน้าที่บันทึกบัญชีรายรับของเงิน ตั้งข้อสงสัยว่าเงิน 95 ล้านบาท ที่เจ้าอาวาส ระบุว่านำไปบูรณะวัดตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 2555 ไม่สมเหตุสมผลเพราะ สิ่งปลูกสร้างและบูรณะวัดส่วนใหญ่มาจากเงินบริจาค ประกอบกับที่ผ่านมาเจ้าอาวาสได้ซื้อที่ดิน ส.ป.ก.ที่ จ.สระบุรีจำนวน 7 ไร่ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และที่ดิน น.ส.3 ที่ จ.เชียงราย จำนวน 15ไร่ โดยอ้างว่าจะจัดทำสำนักสงฆ์ แต่ในปัจจุบันถูกใช้ปลูกกาแฟซึ่งตนคิดว่าอาจนำเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว
ขณะที่ พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ออกมาชี้แจงยืนยันว่า ไม่เคยยักยอกเงินวัดไปใช้ส่วนตัว แต่จำนวนเงินที่ถูกร้องเรียนนั้นถูกนำไปบูรณะปฏิสังขรณ์วัด และเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆของวัด
ประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าทุจริตเงินวัดนั้น ได้ทำหนังสือชี้แจงพร้อมแนบหลักฐานที่เป็นรายรับ - จ่าย เอกสารการจัดซื้อทั้งหมด รวม 6 ประเด็น ไปให้สำนักพระพุทธศาสนาหมดแล้ว และทางสำนักพุทธฯ ก็ไม่มีข้องสงสัยเพิ่มเติม ยืนยันทางวัดมีหลักฐานสามารถชี้แจงข้อสงสัยได้ทั้งหมด และขณะนี้เงินของวัดในบัญชีมีทั้งหมด 120 ล้าน จึงแสดงได้ว่าเงินของวัดไม่ได้สูญหายไป
เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม เชื่อว่าอดีตไวยาวัจกรไม่พอใจตนเอง ที่ถูกขัดผลประโยชน์ เพราะก่อนหน้านี้เคยให้อำนาจในการเก็บเงินค่าที่จอดรถ แต่ยอดจำนวนเงินที่ไม่ตรงกับจำนวนรถที่มาจอด รวมถึงเคยให้ดูแลเรื่องนวดแผนไทย แต่กลับมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่า ช่วงดึกมัมีหญิงชายเข้าไปใช้บริการในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและมีการตั้งวงกินเหล้าจนทำให้ต้องปิดไป
ภายหลังทางเจ้าอาวาสวัดชี้แจงหลายประเด็น นายชาญณรงค์เองก็ปฏิเสธไม่เชื่อและนำคลิปที่นายไพศาล นรินทร คนเก็บกวาดของวัดรับสารภาพกับนายชาญณรงค์ว่าร่วมมือกับเด็กวัดบางคนว่ามีการนำชิ้นส่วนที่เผาไหม้ไม่หมดไปทิ้งน้ำจริง โดยหลังจากนี้ระบุว่าตนจะเดินหน้าร้องเรียน และขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าการกระทำของตนไม่ใช่การผูกใจเจ็บ แต่เพราะต้องการให้ตรวจสอบพระที่ทำการทุจริตเงินทำบุญ
