กลุ่มประมูลโดยคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ได้มีมติจะเปิดเอกสารข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอด้านราคา) ของกลุ่มกิจการค้าร่วม บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ในวันนี้ ( 17 ม.ค. 2563)
ศาลปกครอง ให้ ซีพีกลับเข้าประมูลเมืองการบิน ชี้ เวลาไม่ใช่สาระสำคัญ
โดยได้เชิญเอกชนอีก 2 ราย คือ กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส และ กลุ่ม Grand Consortium ที่เปิดซองข้อเสนอด้านราคาไปก่อนหน้านี้ มาเข้าร่วมการซองข้อเสนอดังกล่าวด้วย ทำให้หลายฝ่ายต่างจับตาราคาการเสนอราคาของ กลุ่ม ธนโฮลดิ้ง เนื่องจากเอกสารข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอด้านราคา) เป็นหนึ่งในเอกสารที่ยื่นเสนอไม่ทันเวลา หรือ ยื่นช้าไป 9 นาที จนเป็นปัญหาการฟ้องร้องที่ศาลปกครองสูงสุด
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า สำหรับการเปิดซองข้อเสนอด้านราคาก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2562 ผู้แทนกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส และกลุ่ม Grand Consortium ได้ส่งผู้แทนมาเข้าร่วมการเปิดเอกสาร โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอสเสนอผลตอบแทนรัฐ 3.01 แสนล้านบาท ส่วนกลุ่ม Grand Consortium เสนอผลตอบแทนรัฐ 1 แสนล้านบาท
ทร.แจงคืนสิทธิ"ซีพี ยื่นประมูลช้า 9 นาที" กระทบระบบจัดซื้อจัดจ้าง
เปิด 4 หลักเกณฑ์ ขอศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่
ทั้งนี้ แม้จะมีการเปิดซองข้อเสนอด้านราคา ในโครงการนี้ ตามขั้นตอน แต่ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯ ก็จะขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาพิพากษาคดีใหม่
ไปดูหลักเกณฑ์การยื่นพิจารณาขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ ถ้าจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ ก็ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 75 ที่ระบุว่า กรณีที่ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองเสร็จเด็ดขาดแล้ว คู่กรณีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนั้น อาจมีคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่อันทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นเหตุแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ
(2) คู่กรณีที่แท้จริงหรือบุคคลภายนอกนั้นมิได้เข้ามาในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดี หรือได้เข้ามาแล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วมในการดำเนินกระบวนพิจารณา
(3) มีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่ความยุติธรรม
และ (4) คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ทำขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่ง ขัดกับกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น
โดยจะต้องกระทำภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นได้รับรู้หรือควรรู้ถึงเหตุซึ่งอาจขอให้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ได้ แต่ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่ง
“ศึกชิงอู่ตะเภา” ทร.ห่วงทำลายระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ทร.เคารพพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาล ปม คืนสิทธิซีพีเข้าร่วมประมูลเมืองการบิน