"อนุทิน" ย้ำเงื่อนไขสร้างไฮสปีด 3 สนามบิน "ยึดตามสัญญาเดิม"
จับตาศาลปกครองสูงสุด ชี้ ขาดปมประมูลเมืองการบิน “ยื่นเอกสารล่าช้า”
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระบุว่า กระบวนการก่อนที่จะถึงขั้นเปิดซองเงินนั้น เอกชนทุกรายได้เปิดซองรายละเอียดด้านเทคนิคความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการ ซึ่งเอกชนทั้ง 3 รายได้ผ่านการประเมินที่ 80% ทั้งหมดทุกราย จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาร่วมกับซองเทคนิคอื่นๆอีก เพียงแค่ขอเวลาตรวจสอบให้กระบวนการทุกส่วนครบถ้วนถูกต้อง พร้อมกับเช็คว่าตัวเงินที่เสนอมาสอดคล้องกับรูปแบบทางการเงินที่เสนอมาหรือไม่ และกระบวนการคัดเลือกของเมกะโปรเจกต์ในอีอีซี ไม่เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ไม่ได้ใช้รูปแบบ คะแนนทางเทคนิค 70% คะแนนด้านราคา 30%
โดยขอยืนยันว่ากระแสข่าวที่ว่า ข้อเสนอเรื่องเงินไม่ใช่ตัวตัดสิน เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะกระบวนการทางเทคนิคเอกชนทุกรายได้ผ่านขั้นตอนมาครบถ้วน ฉะนั้นกลุ่มที่เสนอราคาสูงสุด นั่นก็คือ กิจการร่วมค้าบีบีเอส หรือ BBS จะได้เจรจาก่อน
ส่วนกระบวนการขั้นต่อไปนั้น ทางคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะนำเอาข้อเสนอด้านราคาของเอกชนทั้ง 3 ราย มาตรวจสอบและเปรียบเทียบกัน แล้วจึงประกาศว่าจะเจรจากับเอกชนรายใดก่อน กรณีที่เอกชนบางรายการเสนอราคาสูงถึง 3 แสนล้านนั้น รูปแบบทางการเงินที่เอกชนเสนอมาสอดคล้องกันกับแผนอยู่แล้ว
ส่วนจะมีความสามารถทำได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเอกชนรายนั้น รัฐไม่สามารถไปตัดสินว่าเอกชนจะทำได้หรือไม่ได้ เพราะภาครัฐไม่ได้มีความเชี่ยวชาญขนาดนั้น จึงเป็นเหตุผลให้ภาครัฐต้องร่วมลงทุนกับเอกชนที่มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญให้เข้ามาทำโครงการ หากเอกชนที่ให้ผลประโยชน์กับรัฐสูงสุด แล้วไม่ได้เข้ามาเจรจาก่อน จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
โดยการเซ็นสัญญาทั้งหมด คาดว่าน่าจะจบได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ และเลขาธิการอีอีซี ยังทิ้งท้ายไว้อย่างชัดเจนว่า โครงการนี้จะไม่ล่าช้าอีกแล้ว เพราะช้ามาเยอะแล้ว และที่ผ่านมาปัญหาการส่งเอกสารช้า 9 นาที ก็ทำให้กระบวนการทั้งหมดล่าช้ามาแล้วถึง 6 เดือน