ไวรัสโคโรนา: เปิดสูตรรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา อาการดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ทีมแพทย์รพ.ราชวิถี ประสบความสำเร็จใช้ยา 2 กลุ่ม 3 ตัว “ยาต้านเอชไอวี-ยาหวัดใหญ่” รักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา ปรากฎอาการดีขึ้น

หลังจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  โดยทีมแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีประสบความสำเร็จในการหาแนวทางการรักษาที่อาจช่วยผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ โดยพบว่าทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ซึ่งมีคนไข้รายหนึ่งอาการค่อนข้างรุนแรงแต่เมื่อได้รับการรักษานี้กลับดีขึ้นนั้น

ไวรัสโคโรนา: รพ.ราชวิถี ทดลองใช้ยา 2 ชนิด รักษาคนไข้ติดเชื้ออู่ฮั่น ได้ผลดีภายใน 48 ชม.

ไวรัสโคโรนา : สธ.ย้ำอย่าวิตก “คนขับแท็กซี่” เมื่อป่วยหยุดขับรถทันที ตัดวงจรแพร่ระบาด

ลองมาดูรายละเอียดของการรักษาด้วยเทคนิกของรพ.ราชวิถี กัน...

นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช อายุรแพทย์โรคปอด นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวถึงขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยชาวจีนหายภายใน 48 ชั่วโมง ว่า โรคนี้เป็นโรคใหม่ เราจึงศึกษาข้อมูล ซึ่งมีรายงานประเทศจีนใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในการรักษาโรค ซึ่งยาต้านไวรัสเอชไอวีในประเทศไทยนั้นทางองค์การเภสัชกรรมผลิตได้เองอยู่แล้ว ประกอบกับก่อนหน้านี้มีรายงานว่าใช้ในการรักษาโรคเมอร์ส ด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา รพ.ราชวิถีได้รับการส่งตัวผู้ป่วยชาวจีนอายุ 70 ปี มีโรคประจำตัว จากรพ.แห่งหนึ่งที่หัวหิน เพราะมีอาการหนัก มากถึงขนาดที่อาจจะต้องตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ มีภาวะปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด และมีค่าการอักเสบในเลือดเพิ่มขึ้นทุกวันๆ พอมาถึงรพ.ราชวิถี จึงได้ให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสูตรผสม ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่

“ผมตัดสินใจว่าในเมือคนไข้อาการหนัก ต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อน จึงตัดสินใจให้ยาทั้ง 2 ตัว แล้วคอยรักษาผลข้างเคียงและคอยดูคนไข้ทุกวัน  โดยให้ยาตั้งแต่วันแรกที่รับเข้ารักษาที่รพ.ราชวิถีคือเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ซึ่งจริงต้องให้เครดิตรพ.ที่รักษาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะเขาได้ให้ยาต้านไวรัสกับคนไข้คนนี้ก่อนหน้านี้แล้ว 2 วันแต่อาการคนไข้ไม่ได้ดีขึ้น แย่ลงเรื่อยๆ” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการให้ยานั้น จะใช้ในขนาดที่สูงเพราะเป็นคนไข้ที่มีอาการหนัก โดยสัดส่วนยาต้านไวรัสเอชไอวีที่เป็นยาสูตรผสมโลพินาเวียร์และลิโทนาเวียร์ ที่อยู่ในเม็ดเดียวกันขนาด 200/50 มิลลิกรัม โดยให้ครั้งละ 2 เม็ด เช้า-เย็น และร่วมกับการให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ 75 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 เม็ด เช้า-เย็น รวม 300 มิลลิกรัม โดยผลการให้ยาปรากฏว่าไม่ถึง 12 ชั่วโมง จากคนไข้ที่ดูอ่อนเพลีย ลุกไม่ได้ กลับมาลุกนั่งได้และไข้ลดลง หลังจากนั้นอาการเหนื่อยน้อยลง และหลังเก็บเชื้อตรวจ 48 ชั่วโมง ปรากฏว่าผลเป็นลบ ทั้งๆ ที่รักษาตัวมาเป็น 10 วันเชื้อยังเป็นบวกอยู่  อย่างไรก็ตามวันนี้แม้อาการป่วยยังไม่หาย แต่ดีขึ้นชัดเจน ดังนั้นแนวโน้มการรักษาด้วยสูตรยานี้ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่ยังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่าการรักษาวิธีนี้เป็นมาตรฐานการรักษา

ผู้สื่อข่าวถามว่าสูตรของรพ.ราชวิถีต่างจากของจีนอย่างไร นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ในจีนที่แนะนำการรักษาก่อนหน้านี้ คือใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างเดียว ไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งไม่แน่ใจว่าทางจีนหรือประเทศอื่นๆ มีการรักษาด้วยวิธีการนี้หรือไม่ อาจจะมีก็ได้แต่ยังไม่ได้มีการรายงานออกมา ส่วนของไทยตอนนี้ก็มีการให้ยาสูตรของรพ.ราชวิถีอีก1 ราย ซึ่งเป็นคนไทย อายุ 33 ปี มีอาการปอดอัดเสบ เช่นกัน แต่ติดเชื้อและมีอาการที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้มีประวัติสัมผัสคนจีน โดยหลังจากได้รับยาตามสูตรนี้แล้ว อาการดีขึ้นมาก แต่ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจแล็บก่อน

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานในการรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ เพราะฉะนั้น เมื่อมีใครรายงานว่ารักษาได้ผล ก็จะต้องติดตาม และศึกษาทุกวัน ซึ่งแพทย์ทุกคนของกรมการแพทย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ศึกษาและเปิดดูว่ามีรายงานเรื่องการรักษาใหม่ๆ ขึ้นมากทุกวันหรือไม่ ถ้ามีก็เอามารักษาคนไทยอยู่แล้ว แต่สูตรยาร่วมที่รพ.ราชวิถีใช้ยังไม่เคยมีใครรายงาน ซึ่งอาจจะมีคนใช้แต่ยังไม่มีคนรายงาน

ขณะที่ รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.ราชวิถี หนึ่งในทีมรักษา กล่าวว่า วิธีการรักษาในประเทศต่างๆนั้น ทางการจีนและประเทศอื่นมีการรายงานออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าความร่วมมือของแพทย์ทั่วโลกจะทำการพัฒนาการรักษาร่วมกัน โดยไทยจะเป็นประเทศหนึ่งร่วมช่วยกัน

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากเคสนี้เป็นเคสรีพอร์ต เป็นกรณีศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วแพทย์ได้ใช้วิธีการนี้รักษาจำนวน 3 ราย และทั้ง 3 ราย โดยมี 1 รายที่มีอาการแพ้ยารักษาไข้หวัดใหญ่จึงไม่ได้ให้ต่อ ส่วนอีก 2 รายอาการดีขึ้น ซึ่งในวันที่ 3 ก.พ. จะมีการประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยเอาเคสนี้มาพิจารณาถึงแนวทางการรักษาว่า หากอาการไม่หนักก็ใช้แนวทางการรักษาตามปกติ แต่หากอาการรุนแรงก็มียาสูตรนี้เป็นทางเลือก โดยจะต้องมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ 

ถามว่าแนวทางการรักษาของเราแตกต่างจากจีนอย่างไร  นพ.เกรียงศีกดิ์กล่าวว่า ของจีนไม่ได้ให้ยาโอเซลทามิเวียร์หรืออาจมีการรักษาแต่ยังไม่ได้รายงานออกมา ส่วนผลการรักษานี้ก็จะมีการแบ่งปันความก้าวหน้าให้ด้วย ส่วนอีก 1 รายที่รอผลเป็นปอดอักเสบเหมือนกัน อาการดีมาก แต่ที่ยังไม่แถลงเพราะผลตรวจแล็บยังไม่ออก โดยรายนี้อายุ 33 ปี เป็นคนไทยแต่ไปเที่ยวที่ปุ่น ไม่มีประวัติสัมผัสคนจีน มีอาการที่ญี่ปุ่น

 

มีการศึกษาประเทศอื่นๆ หรือไม่ว่ามีการรักษาลักษณะไหนบ้าง รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า จีนก็มีการรายงานเป็นระยะ ที่เจอก็เป็นในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าความร่วมมือของแพทย์ในทุกประเทศทั่วโลกจะพัฒนาการรักษาร่วมกัน เราจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมช่วยกัน

 

 

 

 

 

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ