หลังจากโรงพยาบาลราชวิถีแถลงข่าวการใช้สูตรยารักษาคนไข้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มีอาการรุนแรงให้ดีขึ้นได้ภายใน 48 ชั่วโมง โดยใช้สุตรยาต้านไวรัสเอชไอวี คือ ยาโลพินาเวียร์ และยาริโทนาเวียร์ ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และกลุ่มยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์นั้น ปรากฎว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์การนำเสนอข่าวที่มีลักษณะว่า สำเร็จเป็นรายแรกของโลกว่า จริงๆ แล้วประเทศจีนมีการใช้ยาลักษณะนี้มาก่อน และมีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 นั้น
ไวรัสโคโรนา: เปิดสูตรรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา อาการดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง
ไวรัสโคโรนา: เปิดข้อมูลกลไกเชื้อไวรัสโคโรนา “ยา-วัคซีน” ชนิดไหน..รักษาได้
ล่าสุด วันที่ 3 ก.พ.2563 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ย้ำไปช่วงแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาแล้วว่า ยาทั้ง 2 กลุ่มไม่ใช่ยาใหม่แต่เป็นยาที่มีการใช้อยู่แล้ว โดยกลุ่มหนึ่งจะยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสและอีกกลุ่มยับยั้งเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ ส่วนการใช้ยาทั้ง 2 กลุ่มร่วมกันของแพทย์รพ.ราชวิถีนั้น แพทย์ได้ให้การรักษาด้วยสูตรยาคู่เช่นนี้ตั้งแต่วันแรกที่รับคนไข้คือวันที่29 ม.ค.2563 ซึ่งเป็นการใช้ก่อนที่จะมีรายงานทางการแพทย์ฉบับดังกล่าวตีพิมพ์เผบแพร่ เพราะรายงานฉบับดังกล่าวตีพิมพ์ในวันที่ 29 ม.ค.2563 และเวลาในประเทศอังกฤษช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง
“โรคไวรัสโคโรนา เป็นโรคใหม่แค่ 2 เดือน จึงยังไม่มียาที่เป็นมาตรฐานในการรักษา ซึ่งที่จีนเขาก็ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ของไทยก็ใช้เช่นกัน เพราะเป็นยาที่มีอยู่แล้ว อย่างยาโอเซลทามีเวียร์ ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยยับยั้งการสลายตัวในเซลล์ ปกติยาตัวนี้ให้ 1 เม็ด 2 เวลา แต่เคสนี้ให้ 2 คูณ 2 ซึ่งจีนก็ให้เหมือนกัน และตีพิมพ์วันที่ 29 ม.ค. ซึ่งเขาใช้มาก่อนเราจริง แต่เราใช้มากกว่านี้ สรุป คือ จีนกับไทยคิดเหมือนกัน แต่ไทยใช้มากกว่า เพราะคนไข้ตัวใหญ่” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
เมื่อถามว่าจากความสำเร็จครั้งนี้ จะขยายต่ออย่างไร นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า จะเป็นอีกทางเลือกในการเสริมเข้าไป แต่ขอย้ำว่า ยังไม่มีการรักษามาตรฐาน เพียงแต่เป็นการรีวิวทั่วโลก ซึ่งก็ถือว่าเป็นความหวังได้ กรณีนี้ที่เคสรพ.ราชวิถีทำก็เป็นเคสรีพอร์ต ซึ่งจะส่งเป็นตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการของคนไข้ที่ได้รับยาสูตรดังกล่าว นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า อาการดีขึ้น โดยเคสที่มาจากอู่ฮั่นผลจากบวก กลายเป็นลบ หมายถึงอาการดีขึ้น แต่ยังไม่ได้หาย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า จากผลการใช้ยารักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาของทางรพ.ราชวิถี ต้องย้ำว่าเป็นการทดลอง แต่หากในอนาคตพิสูจน์ได้ว่ามีผลต่อการรักษาได้จริง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยทุกคนในโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยหลายรายก็ไม่ใช่แค่ป่วยไวรัสโคโรนาเท่านั้น ยังมีเบาหวาน ความดัน ดังนั้น การฟื้นตัวก็จะแตกต่างกันไป ส่วนการรักษาของรพ.ราชวิถีจะนำไปใช้รายอื่นๆด้วยหรือไม่ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ แต่ทั้งหมดทั้งปวง ผู้ป่วยทุกรายดีขึ้น หลายรายก็หายป่วยและกลับบ้านแล้ว จริงๆ ตามรายงานข่าวต่างประเทศว่ามีผู้เสียชีวิตนั้นก็อาจไม่ใช่เพราะไวรัสโคโรนาก็ได้ อาจมาจากสาเหตุอื่นก็เป็นได้
