นายกฯ จวกสื่อรายงานข่าว จนท.ขณะปฏิบัติงาน ทำ "ทหารคลั่ง" รู้ความเคลื่อนไหว

โหด! ทหารคลั่งกราดยิงประชาชนที่โคราชเสียชีวิต บาดเจ็บหลายราย

ม.เทคโนฯ ราชมงคลอีสาน แถลงไว้อาลัย นศ. เหยื่อเหตุกราดยิงโคราช

เมื่อวันที่ (9 ก.พ.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร พร้อมกล่าวภายหลังลงพื้นที่รับฟังรายงานสรุปสถานการณ์เหตุกราดยิง ภายในห้างสรรพสินค้าเทอมินัล21 จ.นครราชสีมา ว่า เป็นการรับฟังการบรรยายสรุปและให้คำแนะนำต่าง ๆ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมายทุกประการ สิ่งสำคัญ คือ การทำให้ประชาชนปลอดภัย โดยสถานการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบอะไรไม่ได้  สิ่งสำคัญคืออยากให้ดูว่าทำไมผู้ก่อเหตุถึงใช้โทรศัพท์ และโพสต์ออกมา แสดงว่ามีการใช้สื่ออย่างกว้างขวาง  และกว่าที่จะสามารถปิดเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุได้ ก็ต้องหารือไปกับบริษัทต่างประเทศ  เพราะการเปิดปิดต้องใช้กฎหมายและต้องขอคำสั่งศาล

ส่วนเรื่องเหตุการ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว แรงกดดันต่าง ๆ ทำให้มีอารมณ์คลุ้มคลั่ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน จึงต้องมาย้อนกลับดูว่ามาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว ทำได้ถูกต้องหรือไม่ ถ้ายังไม่พอก็ทำเพิ่มเติม

เปิดคลิปปฏิบัติการวิสามัญคนร้าย กราดยิงโคราช

ตำรวจ ยืนยันทหารคลั่งกราดยิงโคราชเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่การใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุดไม่ว่าผู้ร้ายหรือใครก็ตาม จะทำความผิดรุนแรงอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติงานอย่างเป็นขั้นตอน และทำอย่างไรไม่ให้คนที่หลบอาศัยอยู่ในอาคารเกิดอันตราย ความสูญเสียมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นก็ต้องคุมสถานการณ์ไว้จนกว่าจะนำประชาชนออกมาจากที่เกิดเหตุให้ได้ ถึงจะใช้อาวุธตอบโต้ได้อย่างเต็มที่ จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่เองก็เสียสละชีวิตหลายคน เพราะใช้อาวุธไม่เต็มที่ และผู้ร้ายก็อาจมีที่กำบังที่เหมาะสม และอาคารมีซอกมุมหลบซ่อน เคลื่อนไหวง่าย ทำให้การตรวจการณ์ตรวจสอบทำได้อยาก

“ผมคิดว่าเราอย่ามามองว่าการทำงานไม่ดีไม่เก่งอะไร หรือทำอะไรเนิ่นนาน มันเป็นปัญหาของเรา ว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อสงวนชีวิตคนกว่า 100 คน ที่อยู่ในอาคารขณะนั้น ท้ายที่่สุดก็มีการใช้อาวุธปะทะกัน ไม่ใช้คำว่าวิสามัญดีกว่า เพราะผมถือว่ามีการใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิใช้อาวุธตอบโต้เช่นเดียวกัน เราไม่อยากให้ใครสูญเสียทั้งสิ้น ถามว่าอยากให้ยุติโดยเร็วไหม ผมอยากให้ยุติตั้งแต่โอกาสแรก แต่มันทำไม่ได้เพราะมีประชาชนติดอยู่ในนั้น”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ดีใจ คือประชาชนส่งความปราถนาดีไปให้กับชาวจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีทั้งการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับผู้ที่สูญเสีย และต้องให้กำลังใจกับผู้ที่เสียขวัญด้วย ซึ่งทุกคนก็เข้าใจสถานการณ์ดี จึงไม่อยากให้สื่อและสังคมไปขยายความในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ จนเกิดความขัดแย้งไปเรื่อย ๆ

ยุติเหตุคนร้ายกราดยิงเมืองโคราช  เสียชีวิต 21 ราย ทั้งปชช. -หน่วยอรินทราช

นายกฯสั่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เหตุกราดยิงโคราช

“เหตุการณ์ครั้งนี้ เราต้องถือเป็นบทเรียน ครั้งสำคัญของรัฐบาล ของทุกภาคส่วนด้วยกัน ก็ต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งกับผู้ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย ซึ่งเรียกกลับมาไม่ได้ วันนี้ก็ขอบคุณแพทย์ พยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ที่เข้าไปดูแลตั้งแต่ต้น ขอบคุณคุณทุกคนที่ทำทุกอย่างได้อย่างดียิ่ง”

ส่วนเรื่องการส่งแพทย์เข้าไปพูดคุยเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายมีการดูแลตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลรัฐบาลจะดูแลทั้งหมด รวมถึงค่าทำศพต่าง ๆ ด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตก็จะมีการปรับเลื่อนยศตามสิทธิที่จะได้รับด้วย

เมื่อถามว่าจะต้องส่งจิตแพทย์เข้าไปพูดคุยกับทหารด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้มากขึ้น เหมือนสมัยที่ตนเองยังเป็นทหารอยู่ ก้ต้องลงไปพูดคุยกับเขา ถามถึงครอบครัวเขา เพราะทุกคนมีภาระทั้งหนี้สิน และแรงกดดันต่าง ๆ เหมือนกัน แต่หากมีเพื่อน มีคนรับฟังปัญหา ก็จะช่วยได้ ซึ่งจากนี้ไปจะต้องทำให้มากขึ้น เพราะงานนี้เพื่อนไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร ก็มีแรงกดดันเกิดขึ้น ประกอบกับสื่อโซเชียล ก็ทำให้แรงขึ้นหมด ส่วนนายหน้าที่ดินคู่กรณี ก็จะต้องสอบสวนต่อทั้งหมด

“ที่ผมเป็นห่วง คือ มีประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กเข้ามา ขอให้มีการปฎิรูปสื่อ ผมแตะต้องท่านมากไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของท่านเอง ท่านจะทำจิตสำนึกของท่านได้อย่างไร จะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่ทำ ออกสื่อไปทั้งหมด ไม่ว่าจะภาพ ไม่ว่าจะข่าว ขณะนี้เตรียมตัวยังไง ซึ่งขณะนั้นการใช้โทรศัพท์ของเขายังปิดไม่ได้อยู่  เพราะงั้นเขารู้หมดว่าเจ้าหน้าที่จะทำอะไร นี่แหละคืออันตรายที่มันจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ขอให้ฟังเจ้าหน้าที่เขานิดนึด และก็สอบถามเป้นขั้นเป็นตอน  ตามลักษณะของการที่จะไปถามคนนู้นคนนี้มาออกอากาศ มันทำให้เกิดความไม่เข้าใจ และความขัดแย้ง ทำให้แก้ปัญหายากไปเรื่อย ๆ”