ค้นฮัมวี่ “ทหารคลั่ง” เจอปืนไรเฟิล-ลูกซอง กระสุนกว่า 776 นัด  


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ผู้บัญชาการทหารบก มีคำสั่งด่วน 4 ข้อ กำชับทุกหน่วย กองรักษาการณ์ห้ามมี “กระสุน-ปืนกล” หวั่นเหตุซ้ำรอย ด้านเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ "รถฮัมวี่" คันที่จ่าทหารผู้ก่อเหตุกราดยิง ขโมยจากกองพัน พบอาวุธปืนและกระสุนกว่า 776 นัด

เปิดคลิปปฏิบัติการวิสามัญคนร้าย กราดยิงโคราช

“อรินทราช 26” หน่วยจู่โจม ผู้ปลิดชีพ คนก่อเหตุกราดยิงโคราช

หลังจากเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรม จ่าทหารผู้ก่อเหตุกราดยิง ที่จังหวัดนครราชสีมา เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ โดยส่งหน่วยอีโอดีเข้าตรวจสอบหาระเบิด ก่อนพบบริเวณพื้นห้างมีปลอกกระสุนตกเกลื่อน ส่วนในห้างมีความเสียหายอย่างหนัก กระจกแตกกระจาย ข้าวของตกเกลื่อน

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจสอบภายในลานจอดรถชั้นใต้ดิน พบรถฮัมวี่ที่คนร้ายใช้ขับหลบหนีจอดอยู่ ตรวจสอบภายในพบปืนไรเฟิล อาวุธปืนลูกซอง และกระสุนปืนอีก 2 กล่องใหญ่ ซึ่งภายในบรรจุกระสุนกว่า 776 นัด

ด้าน พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยเบื้องต้นว่าอาวุธของทางราชการที่ถูก จ่าทหารผู้ก่อเหตุกราดยิง นำออกมาใช้ก่อเหตุจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่
1. จากป้อมรักษาการณ์
เป็น ปืนเล็กยาว 11 (HK) จำนวน 1 กระบอก
กระสุน 5.56 จำนวน 40 นัด

2. จากกองร้อย (คลังอาวุธ)
เป็น ปืนเอชเค จำนวน 1 กระบอก
ปืนกล M60 จำนวน 1 กระบอก

3.จากกองบังคับการกองพันฯ
รถยนต์บรรทุก 51บี คล้ายรถฮัมวี่ 1 คัน

4.จากกองบังคับการกองพันฯ
กระสุนขนาด 5.56 จำนวน 736 นัด

ส่วนที่มีประชาชนตั้งข้อสงสัย กระบวนการคลังอาวุธของทหารว่ามีระบบหละหลวมหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่พบลักษณะการดูแลรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยที่ไม่เป็นไปตามระเบียบหรือข้อกำหนดของราชการ จึงมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยในภาพรวม โดยเฉพาะสถานที่เก็บอาวุธหรือสิ่งหวงห้ามได้มีระบบการปิดล๊อค และจัดให้มีเจ้าหน้าที่เวรยามเฝ้ารักษาการณ์ รวมถึงในช่วงเวลาปกติจะมีระบบการตรวจสอบกำกับดูแลที่เคร่งครัดตามนโยบายผู้บังคับบัญชาที่ได้สั่งการและเน้นย้ำให้อยู่เสมอ

แต่ด้วยกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ค่อนข้างมีลักษณะพิเศษเกินกว่าระดับปกติจากที่ไม่เคยพบมาก่อน เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลที่ปฎิบัติงานในหน่วยดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์อาจมีความคุ้นเคยและไม่คาดว่าจะเข้ามาจู่โจม ทำร้ายกันด้วยความรุนแรงถึงขั้นเกิดบาดเจ็บเสียชีวิต ส่วนการจะเข้าถึงอาวุธในคลังได้นั้น ผู้ก่อเหตุต้องใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์ รวมถึงต้องใช้อาวุธยิงทำลายเพื่อปลดล๊อดกุญแจคลังจึงจะเข้าไปเอาของภายในได้

ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ล่าสุดได้มีคำสั่งเป็นหนังสือด่วนจาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปยังทุกหน่วยทหารที่ขึ้นตรงกับกองทัพบก ให้ปฏิบัติตามระเบียบถึงมาตรการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 4 แนวทางปฏิบัติ คือ
1.กองรักษาการณ์ของหน่วยต้องไม่มีกระสุน และไม่มีปืนกล
2.การปฏิบัติให้ถอดลูกเลื่อนออก โดยให้ผู้บังคับกองรักษาการณ์เป็นผู้เก็บรักษา
3.หน่วยที่เป็นกำลังป้องกันชายแดน ให้ปฏิบัติตามระเบียบประจำของหน่วย
4.ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ ต้องกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด

ด้าน พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 2 เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าจะมีมาตรการซึ่งถูกบังคับใช้เป็นระเบียบปฏิบัติอยู่แล้วก็ตาม ขณะเดียวกันยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดความผิดพลาดที่ผู้ก่อเหตุ รู้จักกับเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาชิงอาวุธที่กองรักษาการณ์ไปนำใช้ก่อเหตุดังกล่าว

และล่าสุดเมื่อเวลา 21.30 น. วานนี้ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบรถโตโยต้า อัลติส สีทอง หมายเลขทะเบียน ศก 7258 กรุงเทพมหานคร หลังพบว่า คนขับถูกยิงเสียชีวิตคาเบาะและถูกเผาภายในรถ ที่บริเวณลาดจอดรถชั้นใต้ดิน ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 เบื้องต้นยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต

ลำดับเหตุการณ์ ทหารคลั่งพกอาวุธสงครามกราดยิงกลางเมืองโคราช

โปรไฟล์ไม่ธรรมดา! “ผู้กองฮัท” ลูกชาย "จักรทิพย์ ชัยจินดา" เคียงไหล่พ่อ สยบเหตุกราดยิงโคราช

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ