“พาราไซต์” หยิบเอาความรู้สึกส่วนลึกของผู้คนถึงความเหลื่อมล้ำและการแบ่งชนชั้นในปัจจุบัน มาสะท้อนผ่านเรื่องราวของครอบครัวเกาหลีที่ยากจน แต่มีความฉลาดและไหวพริบ จนสามารถหลอกและแฝงตัวเข้าไปทำงานในบ้านของครอบครัวมหาเศรษฐีได้ ซึ่งไอเดียเหล่านี้ ประกอบกับมุกตลกร้าย จุดหักมุมหลายจุด และการที่ไม่ยึดติดกับความเป็นภาพยนตร์ประเภทใดประเภทหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมในสหรัฐฯ
“Parasite” สร้างประวัติศาสตร์คว้า "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" ผงาดเวทีออสการ์
โดย “พาราไซต์” ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์ในสหรัฐฯ เกือบ 3 แสน 8 หมื่นดอลลาร์ จากโรงฉายเพียง 3 โรง และสร้างสถิติทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงสุดนับตั้งแต่ “ลาลาแลนด์” ในปี 2016 ก่อนที่จะได้เพิ่มโรงฉายและกวาดรายได้จนถึงขณะนี้ไปแล้ว 35.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแม้ว่าความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศจะไม่ใช้่ปัจจัยหลักที่ตัดสินการชนะรางวัลในเวทีออสการ์ แต่ก็สะท้อนความนิยมในหมู่ผู้ชมและกลายเป็นกระแสที่อาจส่งผลไปถึงผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงรางวัลออสการ์ได้
ขณะเดียวกัน “พาราไซต์” ก็ได้พิสูจน์ตัวเองก่อนที่หน้านี้แล้วว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีลุ้นรางวัลในเวทีออสการ์ ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์และคว้ารางวัลปาล์มทองคำซึ่งเป็นรางวัลสูงสุด รวมถึงรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงกลุ่มยอดเยี่ยมจากสมาคมสมาคนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ หรือแซกอวอร์ดส
นอกจากนี้ “พาราไซต์” ยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์จำนวนมากที่มักจะบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นเอก ขณะที่คะแนนนักวิจารณ์จากเว็บไซต์รอตเทนโทเมโทส์ก็สูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์
เทคโนโลยีสตรีมมิงและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันมีโอกาสได้เสพภาพยนตร์จากหลากหลายชาติมากขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบและจุดกระแสบนอินเทอร์เน็ตให้แก่ ภาพยนตร์เรื่องนี้
แม้ว่ากระแสเหล่านี้อาจจะไม่สามารถทำให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงรางวัลออสการ์ที่เป็นคนรุ่นเก่าหวั่นไหวได้มากนัก แต่อย่างน้อยทาง บริษัทผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ในสหรัฐฯ ก็สามารถหยิบเอากระแสบนอินเทอร์เน็ตมานำเสนอในวงการให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ท้ายที่สุด ไม่มีกฎตายตัวว่าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจะต้องเป็นภาพยนตร์แบบไหน แต่ที่แน่ๆ คือภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น มักจะสะท้อนมุมมองของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกันต่อความสำเร็จในปัจจุบัน และความมุ่งมาดปรารถนาในอนาคต
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า หลังจากนี้ “ประตูสู่ออสการ์” อาจเปิดกว้างขึ้นอีกก็เป็นได้
“ออสการ์” เล็งเพิ่มสาขา “ภาพยนตร์ยอดฮิต” กระชากเรตติ้ง