เปิดขบวนการจับแก๊ง “อุ้มบุญ” ข้ามชาติผิดกฎหมาย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




รายการ เป็นเรื่องเป็นข่าว วันนี้ (13 ก.พ.)   ในตอน ทลายแก๊ง! “อุ้มบุญข้ามชาติ” เปิดขบวนการพาหญิงไปฉีดอสุจิอีกประเทศ ก่อนมาท้องในไทยและคลอด หรือส่งเด็กไปอีกประเทศ

ตามที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดยกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904  พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน บุกเข้าตรวจค้นพื้นที่ 10 จุด ใน กทม. เพื่อทลายเครือข่ายแม่อุ้มบุญที่รับจ้างตั้งครรภ์ ก่อนจะส่งเด็กทารกไปยังประเทศจีนนั้น

บช.ก. บุกค้น 10จุดใน กทม. ทลายแก๊ง “อุ้มบุญ” ข้ามชาติ

เปิดเครือข่ายแม่อุ้มบุญใหญ่สุดในไทย จับแล้ว 9 คน พบส่งออกเด็กทารกข้ามชาติ

รายการ เป็นเรื่องเป็นข่าว วันนี้ (13 ก.พ.)  มาในตอน ทลายแก๊ง! “อุ้มบุญข้ามชาติ” โดยได้เชิญ   รศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย  และพ.ต.ท.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ สว.กก.สส.บก.น.5 มาให้ข้อมูลเรื่องนี้

เริ่มจาก พ.ต.ท.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ สว.กก.สส.บก.น.5 โฟนอินสดจากสำนักงานปคม. เข้ารายการ  ให้ข้อมูลว่า     พ.ร.บ.อุ้มบุญมีใช้ตั้งแต่ปี 2558 โดยเราพบเบาะแสครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2560 พบขนน้ำอสุจิใส่ถังไนโตรเจนแช่แข็ง ไปยังสปป.ลาว และจากนั้นก็พบว่ามีการพาผู้หญิงไปด่านเวียงจันทน์ จนเป็นที่มาที่เราแกะรอย โดยขณะนั้นอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ได้มาร่วมมือกันและขอให้แกะร่องรอย จากขบวนการดังกล่าวทำให้ทราบว่า มีนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง และมีการกระทำเป็นขบวนการ โดยมีการนำผุ้หญิงไทยชักชวนมาอยู่ในขบวนการ จากนั้นก็นำผู้หญิงไปฉีดเชื้ออสุจิเข้าไป โดยทำในประเทศเพื่อนบ้าน ต่อมาก็พาหญิงไทยกลับมาฝากครรภ์ในประเทศไทย โดยจะมีการคลอดทั้งในประเทศไทย และอีกส่วนบินไปคลอดที่จีน

“หากคลอดในไทย จากการสืบสวนคือ เด็กมีอายุ 1 เดือน หรือ 1 เดือนกว่าๆ ขบวนการนี้จะส่งเด็กไปต่างประเทศ โดยเราพบว่า มีการส่งต่อไปยังหลายเมืองในประเทศจีน ซึ่งเป้าหมายที่ทำแบบนี้ เราก็ยังหาคำตอบว่า เด็กกลุ่มนี้ที่ถูกขบวนการเหล่านี้สร้างขึ้นมา มีวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งคดีนี้เป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้ขบวนการอุ้มบุญ ซึ่งขบวนการนี้มีผลประโยชน์มหาศาล มีเครือข่ายหลายประเทศ” พ.ต.ท.ณัฐพล กล่าว

 

 พ.ต.ท.ณัฐพล  กล่าวอีกว่า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนข้อมูลต่างๆว่ามีการนำเด็กออกไปกี่คน ขณะที่เรื่องว่าจะมีบุคลากรทางการแพทย์รู้เห็นหรือไม่นั้น ก็ต้องนำเรียนว่า เทคโนโลยีที่ใช้นั้นเป็นวิทยาศาสตร์ขั้นสูง จึงไม่สามารถเป็นบุคลากรอาชีพอื่นได้ แต่เพื่อความชัดเจนเราก็อยู่ระหว่างสืบสวนว่า มีบุคลากรทางการแพทญ์ หรือนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ก็พบว่ามีต่างชาติเข้ามาเกี่ยวด้วย  

“สำหรับแม่อุ้มบุญนั้น เราได้สอบสวนเขาในฐานะพยาน ก็ต้องดูว่าในส่วนรู้เห็น เขาถูกขบวนการหลอกลวง หรือถูกบังคับ แต่เบื้องต้นยังอยู่ในฐานะพยาน อย่างไรก็ตาม หากรับเงินหรือรับจ้างนั้น ก็ต้องมาดูว่าความผิดอย่างไร เราขอดูเป็นเคสๆ ว่า มีส่วนรู้เห็นหรือถูกบังคับอย่างไร ส่วนการดูแลเด็กนั้น ได้มีกระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงสาธารณสุขมาช่วยกัน ทั้งการดูแลแม่อุ้มบุญและเด็กทารก” พ.ต.ท.ณัฐพล กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนทางการแพทย์  โดย รศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า  ประเด็นการอุ้มบุญเป็นเรื่องที่ทั่วโลกมีการออกกฎหมายมาควบคุม เพราะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงในการค้ามนุษย์ได้ ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมาย ที่เรียกว่า พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558  ซึ่งกฎหมายนี้จะได้รับการคุ้มครองทั้งแม่และเด็ก แต่ก็เกิดคนกลุ่มหนึ่งอาศัยช่วงระหว่างการเริ่มบังคับใช้ทำผิดกฎหมายขึ้น

อย่างไรก็ตาม การทำอุ้มบุญทำได้ในประเทศไทย แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขตามกฎหมาย โดยต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสที่มีปัญหาการมีบุตรยาก สุขภาพ เงื่อนไขอื่นๆต้องมีการตรวจประเมินด้วย และต้องเป็นญาติ หรือไม่เป็นญาติก็ได้ แต่ต้องพิสูจน์ได้ว่าดำเนินการถูกต้อง และคนที่มาอุ้มบุญต้องเคยมีบุตรมาก่อน

เมื่อถามว่าในเรื่องจริยธรรม หากเด็กมารู้ตอนโตว่าเป็นเด็กอุ้มบุญที่ถูกกฎหมาย รศ.นพ.กำธร กล่าวว่า หากเป็นไข่ อสุจิของพ่อแม่ตัวจริง อย่างไรก็เป็นพ่อแม่ เพียงแต่ให้อีกคนอุ้มให้แทน แต่หากในกรณีบริจาคไข่ อสุจิ อันนี้อีกเรื่อง

ติดตามเพิ่มเติมผ่านรายการ...

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ