สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมทั้งประเทศ วันที่ 17 ก.พ.2563 พบว่า สถานการณ์แม่น้ำสายหลักในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก มีปริมาณ “น้ำน้อยระดับวิกฤต” ซึ่งหากไปดูปริมาณน้ำในแหล่งน้ำรวมทั้งสิ้น 45,328 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 55% ของความจุเขื่อน โดยเป็นน้ำใช้การ 17,132 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 36% ของความจุเขื่อน โดยมี 19 แห่ง ต้องเฝ้าระวังคือ เขื่อนแม่กวง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแม่มอก บึงบอระเพชร เขื่อนทับเสลา เขื่อนกระเสียว เขื่อนหนองหาร เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนลำแซะ เขื่อนมูลบน เขื่อนลำนางรอง เขื่อนป่าสักฯ เขื่อนคลองสียัด เขื่อนบางพระ เขื่อนประแสร์ และเขื่อนหนองปลาไหล
สภาพัฒน์ หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปี 63 โตแค่ 1.5%
นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำน้อย 138 แห่งเป็นภาคเหนือ 36 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 77 แห่ง ภาคกลาง 3 แห่ง ภาคตะวันออก 14 แห่ง ภาคตะวันตก 6 แห่ง ภาคใต้ 2 แห่ง
ส่วนสถานการณ์แม่น้ำสายหลักในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงภาคตะวันออก น้ำน้อยระดับวิกฤต ส่วนแม่น้ำโขงน้ำน้อยระดับวิกฤตเช่นกันแต่บริเวณจังหวัดเชียงรายถึงอุบลราชธานีมีระดับน้ำทรงตัว ขณะที่ภาคกลางและภาคใต้ระดับอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยถึงปกติ
นายกฯ สั่งกองทัพ ระดมกำลัง-เครื่องจักร แก้วิกฤตภัยแล้ง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งจำนวน 22 จังหวัด 128 อำเภอ 676 ตำบล ทำให้ต้องลำเลียงน้ำจากเขื่อนขุนด่านฯ 0.1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน กระทรวงกลาโหมแจกจ่ายน้ำอุปโภค บริโภค 6,000 ลิตร ให้แก่ประชาชน ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำบางดาล ซ่อมแซมเป่าล้างทำความสะอาดบ่อน้ำบาดาล เพื่อให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ
จับสัญญาณภัยแล้ง บรรเทาความเสียหาย