สบส.ตรวจพบหมอ 4 รายเอี่ยวเครือข่ายแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรมสนับสนุนบริการสุขภาพขยายผลแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ พบ สถานพยาบาล 9 แห่ง แพทย์ 4 ราย เข้าข่ายมีส่วนร่วมกระทำความผิด

หลังจากกรณีกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมเครือข่ายจ้างผู้หญิงอุ้มบุญเพื่อคลอดเด็กข้ามชาติ เบื้องต้นจับผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดีได้ส่วนหนึ่ง และเตรียมขยายผลต่อ เนื่องจากเป็นเครือข่ายแก๊งอุ้มบุญรายใหญ่ของประเทศนั้น  

บช.ก. บุกค้น 10จุดใน กทม. ทลายแก๊ง “อุ้มบุญ” ข้ามชาติ

เปิดเครือข่ายแม่อุ้มบุญใหญ่สุดในไทย จับแล้ว 9 คน พบส่งออกเด็กทารกข้ามชาติ

ล่าสุดวันที่ 19  ก.พ. 2563       นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี สบส. แถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องนี้ ว่า  จากการขยายผลเบื้องต้น พบว่าอาจมีสถานพยาบาลที่เข้าข่ายมีส่วนร่วมกระทำความผิดจำนวน 9 แห่ง เป็นโรงพยาบาล 4 แห่ง เป็นคลินิก 5 แห่ง โดย 6 จาก 9 แห่งนี้เป็นสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองให้สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้ และยังมีแพทย์จำนวน 4 รายและบุคลากรอีกจำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด

สำหรับแม่อุ้มบุญทั้ง 7 คนที่พบตัวเมื่อครั้งบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่ 10 จุด ใน กทม. เพื่อทลายเครือข่ายแม่อุ้มบุญ เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 63 ขณะนี้กรม สบส. กำลังตรวจผลการตั้งครรภ์ของทั้ง 7 คน รวมถึงตรวจ DNA ของเด็กทารก 2 คน หากพบว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ก็จะมีโทษดังนี้

  1. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ขออนุญาตดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. เป็นคนกลาง นายหน้า โดยเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อเป็นการตอบแทนในการรับตั้งครรภ์แทน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

นพ.ธเรศ  กล่าวว่า จากการบุกค้นจับกุมในวันนั้น ยังตรวจพบยากระตุ้นฮอร์โมน ยาแผนโบราณ และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งต้องประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้น พบการกระทำความผิด 3 ข้อหา คือ

  1. ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  2. ขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 3,000 บาท
  3. ผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้จดทะเบียนสถานประกอบการ มีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติระลอกนี้มีความเกี่ยวพันกับคดีลักลอบขนส่งอสุจิเมื่อปี 2560 หรือไม่ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี  สบส. กล่าวว่า น่าจะมีความสืบเนื่องกันมา เพียงแต่เป็นการทำธุรกิจอุ้มบุญที่เปลี่ยนจากการขนอสุจิข้ามชายแดน เป็นการขนย้ายแพทย์และหญิงอุ้มบุญไปต่างประเทศแทน โดยให้แพทย์ใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์กับหญิงอุ้มบุญ แล้วเครือข่ายจึงพาหญิงอุ้มบุญมาเตรียมคลอดที่ประเทศไทย

ทั้งนี้ หากใครต้องการมีบุตรโดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ สามารถศึกษา ขอคำปรึกษา และทำเรื่องไปยัง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ไม่ควรกระทำการผิดกฎหมาย และหากใครพบเห็นการอุ้มบุญที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย สามารถติดต่อแจ้งเยาะแสได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กลุ่มคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ เฟซบุ๊กสารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์ เฟซบุ๊กมือปราบพยาบาลเถื่อน เป็นต้น

 

 

 

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ