ไทยพบผู้ป่วย “โควิด-19” อีกราย หลังเจ้าตัวปิดข้อมูลเดินทางปท.เสี่ยง
รมช.สธ.ไทยตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลเป็น “ลบ” !!
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายอรุณ หมื่นมาหาใจ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาคดีในข้อหาลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุก 8 ปี 10 เดือน ที่เรือนจำจังหวัดอุทัยธานี ได้หลบหนีหลังเข้าลำไส้อักเสบที่โรงพยาบาลจังหวัดอุทัยธานี โดยมีโซ่ตรวนติดขาไปด้วย
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดอุทัยธานี และเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ ออกค้นหา และได้ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ต่าง ๆ ที่คาดว่านายอรุณ จะหลบหนีไป และในช่วงบ่ายได้แกะรอย จนรู้ว่านายอรุณ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของลูกที่ทำงานอยู่ที่ปั้มแห่งหนึ่ง โทรหาญาติ และคนที่รู้จักซึ่งคาดว่าจะหาหนทางหลบหนีต่อไป
โดยต่อมานายอรุณ ทนแรงกดดันไม่ไหวจากการถูกตามไล่ล่าตลอดทั้งวัน จนไม่รู้จะหนีไปทางไหน และคาดว่าอาจจะกลัววิสามัญฆาตกรรม และเกรงว่าจะหนีไปไม่รอดแน่ จึงต้องจำนนและได้ติดต่อขอมอบตัวในเวลา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยติดต่อกับนางสาววิพรพักตร์ ค่ายบุญศรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอุทัยธานี โดยได้มามอบตัวที่หน้าเรือนจำจังหวัดอุทัยธานีด้วยตัวเอง และภายหลังมอบตัว ก็ถูกส่งเข้าไปคุมขังที่เรือนจำทันที และจะถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาหนีระหว่างถูกคุมขัง และจะถูกดำเนินคดี ต่อไป
เบื้องต้น นายอรุณ ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า ช่วงที่ตนติดคุกอยู่ แม่ของตนได้ถูกรถชนจนเป็นคนป่วยติดเตียง ไม่สามารถมาเยี่ยมตนได้ ทำให้ตนคิดถึงและเป็นห่วงแม่มาก เมื่อได้โอกาสช่วงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการลำไส้อักเสบ จึงวางแผนหลบหนี อาศัยจังหวะช่วงดึกและเจ้าหน้าเผลอ ให้ภรรยานอนอยู่ใต้เตียง ส่วนตนหลบหนีออกทางบันไดหนีไฟข้างโรงพยาบาล และได้นำรถจักรยานยนต์ ของภรรยาที่จอดในโรงรถขี่หลบหนี มุ่งหน้าไปยัง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปหาแม่ที่นอนป่วยอยู่ เมื่อถึงบ้านแม่ ตนได้ทำการถอนโซ่ตรวนที่ข้อเท้าออก หลังจากที่เยี่ยมแม่ที่นอนป่วยแล้วเสร็จได้ขอเงินแม่ 1,000 พันบาท จะเดินทางไป จ.กาจนบุรี เพื่อหลบหนี แต่ขณะถึง อ.ลานสัก เกิดคิดเป็นห่วงภรรยาจะถูกดำเนินคดี ประกอบกับคิดว่าจะหนีไม่รอด ตนจึงได้ตัดสินใจขับรถกลับเข้ามาในเขต อ.เมืองอุทัยธานี เพื่อเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
